หน้าเว็บ

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

ภาวะตลาด 26/4/55

หุ้นไทยปิดบวก 1.50 จุดที่ 1,201.36 จุด แรงเก็งกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์-พลังงานหนุน บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (25 เม.ย.) ดัชนีแกว่งตัวผันผวนในช่วงแคบสอดคล้องตลาดในภูมิภาคเอเซีย ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 1,204.73 จุด ท่ามกลางแรงเก็งกำไรหนาแน่นในหุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงาน และต่ำสุดที่ 1,196.45 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1,201.36 จุด บวก 1.50 จุด หรือ 0.13%
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย
CPALL ปิดที่ 74.00 บาท +3.00 (+4.23%) 
 JAS ปิดที่  3.10 บาท +0.08 (+2.65%) 
 CPF ปิดที่ 40.25 บาท +0.75 (+1.90%) 
 BBL ปิดที่ 184.00 บาท -1.50 (-0.81%) 
 KBANK ปิดที่  154.50 บาท -0.50 (-0.32%)

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

ภาวะตลาด 24/4/55

หุ้นไทยผันผวนปิดลบ 5.25 จุด ที่ 1,189.35 จุด ผันผวนตามตลาดต่างประเทศ จับตาการประชุมเฟด
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (23 เม.ย.) ดัชนีผันผวนตามตลาดต่าประเทศ โดยในภาคเช้ามีแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างหนาแน่นในหุ้นกลุ่มธนาคาร จากผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 1,201.12 จุด ก่อนที่จะมีแรงเทขายทำกำไรระยะสั้น ช่วงท้ายตลาดกดดันดัชนีปรับตัวลดลงต่ำสุดที่  1,186.46 จุด ปิดตลาดที่ 1,189.35 จุด ลดลง 5.25 จุด หรือ 0.44%
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย
 CPF ปิดที่  38.50 บาท +0.50 (+1.32%)
 BBL <XD> ปิดที่ 187.00 บาท -6.00 (-3.11%)
 IVL  ปิดที่ 34.00 บาท -1.50 (-4.23%)
 KBANK ปิดที่ 154.00 บาท -2.00 (-1.28%)
 BTS ปิดที่ 0.82 บาท +0.03 (+3.80%)
วันนี้นะครับบ พบว่าตลาดมีแรงเทขายออกมาในช่วงท้ายตลาด ตามตลาดต่างประเทศที่ลงอย่างหนักกครับบ ทำให้ดลาดปิดลงมา 5 จุดครับบ แต่ต่างชาติยังคงซื้ออยู่ครับบ และตลาด futures long นิดหน่อยไม่มีนัยครับบบ ถ้าตลาดปรับลงแรงๆๆก้ให้ทยอยเข้าซื้อหุ้น ที่เป็น ยานยนต์ อสังหา ก่อสร้าง อาหารและเครื่องดื่มนะครับบ ผมอยากให้นักลงทุนทุกท่านวางแผนว่าเมื่อตลาดลงให้ลือกซื้อหุ้นไอ้ที่เขียวๆๆในตารางแต่ให้ทยอยเข้าซื้อ อยากซื้อเท่าไหร่ก็แบ่งเป็นสัก 3 ส่วนครับ 30:30:40 โชคดีครับบ

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

SET100 Review weekly 22/4/55


หลักทรัพย์22/4/1955
ADVANC  
AJ  
AMATA  
AOT  
AP  
ASP  
BANPU  
BAY  
BBL  
BCP  
BEC  
BECL  
BGH  
BH  
BIGC  
BJC  
BLA  
BLAND  
BTS  
CENTEL  
CK  
CPALL  
CPF  
CPN  
DCC  
DELTA  
DTAC  
EGCO  
ESSO  
GFPT  
GLOBAL  
GLOW  
GSTEEL  
GUNKUL  
HANA  
HEMRAJ  
HMPRO  
IRPC  
ITD  
IVL  
JAS  
KBANK  
KBS  
KH  
KK  
KSL  
KTB  
LANNA  
LH  
LHBANK  
LOXLEY  
LPN  
MAJOR  
MAKRO  
MCOT  
MCS  
MINT  
PHATRA  
PS  
PSL  
PTL  
PTT  
PTTEP  
PTTGC  
QH  
RATCH  
ROBINS  
SAMART  
SAMTEL  
SAT  
SC  
SCB  
SCC  
SCCC  
SF  
SGP  
SIRI  
SMT  
SPALI  
SSI  
STA  
STEC  
STPI  
SVI  
TASCO  
TCAP  
THAI  
THCOM  
TICON  
TISCO  
TMB  
TOP  
TPC  
TPIPL  
TRUE  
TTA  
TTCL  
TTW  
TUF  
TVO  

 undervalue
 Fair value
 overvalue

วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555

ภาวะตลาด 23/4/55

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 20 เม.ย. ดัชนียังแกว่งตัวสดใส เพราะสามารถยืนบวกได้ตลอดการซื้อขาย ตามแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมา โดยระหว่างวันดัชนีทะยานขึ้นสูงสุดที่  1,195.43 จุด ลดลงต่ำสุดที่ 1,182.42 จุด จนมาปิดตลาดที่ 1,194.60 จุด เพิ่มขึ้น 9.26 จุด หรือ 0.78% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28,234.68 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ 297.31 จุด เพิ่มขึ้น 2.85 จุด มูลค่าซื้อขาย 1,252.47 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก
1. ธ.กสิกรไทย ปิดที่
  156.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
2. ไอวีแอล ปิดที่
 
35.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
3. บ้านปู ปิดที่
 
564.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท
4. ปตท. ปิดที่
 
354.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
5. เอไอเอส ปิดที่ 174.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเ ซีย พลัส มองว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นได้และมีทิศทางแกว่งตัวดี เพราะได้รับปัจจัยบวกจากแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ทยอยประกาศออกมา หลังธนาคารส่วนใหญ่มีกำไรสุทธิออกมาในระดับที่ดี 

ส่วนแนวโน้มในสัปดาห์หน้า มองว่า ดัชนียังมีโอกาสขยับเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง ซึ่งอาจขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1
,212 จุด เพราะน่าจะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการของหุ้นกลุ่มน้ำมันที่จะประกาศออกมาเป็นกลุ่มที่สอง หลังกลุ่มธนาคารออกมาดี แต่ต้องระมัดระวังแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติด้วย ส่วนแนวรับคาดอยู่ที่ 1,178 จุด ด้านกลยุทธ์ แนะนำถือหุ้นในสัดส่วน 40% และเก็งกำไรหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยรวมถึงนิคมอุตสาหกรรม เพราะมีแนวโน้มฟื้นตัวจากน้ำท่วมได้เร็ว.
เท่าที่ผมดูตลาด 2 วันหลังที่ผ่านมานะครับบ เหมือนมันไม่อยากให้ลงยังไงไม่รู้ จากการกระทำของต่างชาติพบว่าซื้อหุ้น 2 วันติดและ กับข้างเปิด long future กว่า 3000 สัญญาครับบ เหมือนจะไม่ยอมลงยังไงไม่รู้ เอาหละลงไม่ลงไม่ต้องคิดมาก เรามาหาหุ้นซื้อดีกว่า มีของถูกอีกครับบ ดูใน set100 revieww นะครับบ ส่วน sector ที่มีแนวโน้มเติบโต ยังคงเป็น ยานยนต์ ก่อสร้าง อสังหา อาหารและเครื่องดื่ม และ เช่าซื้อ ครับบ

Macro weekly 17-20/4/55 กระทรวงการคลัง

 รายงานภาวะเศรษฐกิจ
ประจำวันที่  17-20 เม.ย. 2555

--------------------------------------------------------------------------------
Economic Indicators: This Week :
           รายได้สุทธิของรัฐบาล (หลังหักจัดสรรให้ อปท.) ในเดือน มี.ค.55  มีจำนวน 141.6 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 10.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลแล้ว หดตัวร้อยละ 2.3 ต่อเดือน โดยภาษีที่สำคัญมาจาก (1) ภาษีฐานการบริโภค (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) ขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 14.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนการบริโภคภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจภายหลังอุทกภัยและการนำเข้าสินค้าทุนเพื่อทดแทนเครื่องจักรที่เสียหายจากน้ำท่วม (2) ภาษีรถยนต์ขยายตัวร้อยละ 31.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลแล้ว ขยายตัวถึงร้อยละ 30.4 ต่อเดือน สะท้อนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ภายหลังจากปัญหาอุทกภัย สำหรับภาษีฐานรายได้ขยายตัวร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ รัฐบาลมีรายได้สุทธิ (หลังหักจัดสรรให้ อปท.) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 55 จำนวน 812.7 พันล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 33.4 พันล้านบาท หรือร้อยละ 4.3 และสูงกว่าปีงบประมาณก่อนหน้า 22.3 พันล้านบาท หรือร้อยละ 3.0
          ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือน มี.ค. 55 มีมูลค่า 51.2 พันล้านบาท หรือขยายตัวร้อยละ 11.3  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 19.3 ตามการชะลอตัวของภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ที่จัดเก็บบนฐานการนำเข้า โดยขยายตัวร้อยละ 19.1 จากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 40.4 ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ที่จัดเก็บบนฐานการบริโภคในประเทศขยายตัวร้อยละ 3.7 ต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 3.4 ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 1 ปี 55 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ดับราคาคงที่ ขยายตัวที่ร้อยละ 12.0 ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 6.6 สะท้อนถึงการบริโภคภาคเอกชนที่อยู่ในช่วงของการฟื้นตัวจากปีก่อน.......Download รายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเอกสารประกอบ 
http://www.fpo.go.th/FPO/index2.php?mod=Content&file=contentview&contentID=CNT0007870&categoryID=CAT0000033

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

ภาวะตลาด 20/4/55

วันนี้ ( 19 เม.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยกาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดัชนีดีดตัวขึ้นทันทีที่เปิดตลาด และทะยานขึ้นได้ร้อนแรงในช่วงบ่ายจนท้ายตลาด ตามการซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร ส่งผลให้ระหว่างวันดัชนีทะยานขึ้นสูงสุดที่ 1,185.50 จุด ลดลงต่ำสุด 1,169.20 จุด จนมาปิดตลาดที่ 1,185.34 จุด เพิ่มขึ้น 17.29 จุด หรือ 1.48% มูลค่าซื้อขาย 30,341.56ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ 294.46 จุด เพิ่มขึ้น 2.76 จุด มูลค่าซื้อขาย 909.92ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก 1. ธ.กสิกรไทย ปิดที่  158.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท 2. ธ.กรุงเทพ ปิดที่ 192.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท 3. ธ.ไทยพาณิชย์ ปิดที่ 192.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท 4. ปตท. ปิดที่  351.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท 5. บ้านปู ปิดที่ 556.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

ด้านนายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผอ.ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ มองว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นได้ หลังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้งในวานก่อน นอกจากนี้ยังเป็นผลจากแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1/55 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ทยอยประกาศออกมา ซึ่งบางแห่งมีกำไรมากกว่าคาดการณ์ ประกอบกับนักลงทุนผ่อนคลายเรื่องหนี้ยุโรป หลังผลประมูลพันธบัตรมีทิศทางออกมาดี


ส่วนแนวโน้มวันที่ 20 เม.ย.นี้
  มองว่า หากนักลงทุนต่างชาติยังเข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง รวมถึงตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก จะส่งผลดีต่อหุ้นไทย ซึ่งมีโอกาสที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยประเมินแนวรับที่ 1,180 จุด และแนวต้านที่ 1,200 จุด ด้านกลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่มีการประกาศผลประกอบการเป็นกลุ่มแรก

Macro daily 19/4/55 กระทรวงการคลัง

http://www.fpo.go.th/FPO/index2.php?mod=Content&file=contentview&contentID=CNT0007861&categoryID=CAT0000032

วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2555

หุ้นปันผลเด่น weekly ( PRANDA)

บทความนี้จะเป็นบทความที่บอกถึงหุ้นที่จ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องและเป็นบริษัทที่พื้นฐานดีครับบ เราเริ่มด้วยบริษัท PRANDA จิลเวอร์ลี่
บริษัทฯ ดำเนินกิจการประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องประดับแท้เป็นหลัก ปัจจุบันเป็นผู้นำด้านการส่งออกเครื่องประดับอัญมณีของไทย ซึ่งมีการกระจายฐานลูกค้าไปยังภูมิภาคที่สำคัญของโลก อันได้แก่ อเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย บริษัทฯ มุ่งที่จะเป็น บริษัทแบรนด์เครื่องประดับอัญมณีระดับโลก ซึ่งได้วางโครงสร้างการบริหารที่สมดุลประกอบด้วย 1) ด้านการผลิต ที่ครอบคลุมแทบทุกระดับราคาสินค้า โดยกลุ่มบริษัทฯ มี 8 โรงงานใน 5 ประเทศ อันได้แก่ ประเทศไทย เวียดนาม จีน อินโดนีเซีย เยอรมันนี 2) ด้านฐานการจัดจำหน่ายที่เป็นของตนเอง และตัวแทนจำหน่ายกระจายตามภูมิภาคที่สำคัญของทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน อินโดนีเชีย ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม อินเดีย และไทย
หุ้นตัวนี้นะครับบ เป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลค่อนข้างต่อเนื่องนะครับบ ตกปีละ 9% จ่ายปีละ 2 ครั้ง เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องประดับ ถึงแม้ว่าปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจดลกจะไม่ค่อยดีมากนัก บริษัทก็ยังคงมีกำไรโตอย่างต่อเนื่องครับบ แถมยังมี P/E เพียง 5 เท่าอีกด้วยครับบ ข้อเสียก็คือไม่มีสภาพคล่องง ซื้อขายลำบากเพราะใครถือแล้วก็ไม่ค่อยอยากขายก็จ่ายปันผลปีละ 9% ใครจะขายหละะ แนะนำถ้ามีโอกาสที่ตลาดไม่ดี panicc ก็ซื้อเกบไว้ได้นะครับบ เป็นลักษณะของถือลงทุนนะครับบ dividend stock

ภาวะตลาด 19/4/55

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 18 เม.ย. ดัชนีเริ่มกลับมาสดใส หลังยืนแดนบวกได้ตลอดการซื้อขาย ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นแรง รวมถึงมีแรงเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ เพื่อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1/55 ที่เตรียมประกาศออกมา ส่งผลให้ระหว่างวันดัชนีทะยานขึ้นสูงสุดที่ 1,173.48 จุด ลดลงต่ำสุดที่ 1,164.24 จุด จนมาปิดตลาดที่ 1,168.05 จุด เพิ่มขึ้น 7.82 จุด หรือ 0.67% มูลค่าการซื้อขาย 23,696.21 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ 291.70 จุด เพิ่มขึ้น 4.35 จุด มูลค่าซื้อขาย 588.20 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก
1. ปตท. ปิดที่
 
343.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท
2. ธ.กสิกรไทย ปิดที่ 151.00 บาท
 
ลดลง 1.00 บาท
3. บ้านปู ปิดที่ 556.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
4. ธ.กรุงเทพ ปิดที่ 189.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
5. ไทยออยล์ ปิดที่ 68.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท


นายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน มองว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ฟื้นตัว แต่การเคลื่อนไหวระหว่างวันยังมีกรอบที่จำกัด เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆที่ชัดเจนมากระตุ้นบรรยากาศการลงทุน

ส่วนแนวโน้มวันที่ 19 เม.ย.นี้  มองว่า ดัชนีจะอยู่ในลักษณะผันผวน เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกที่ชัดเจนเข้ามาสนับสนุนบรรยากาศการลงทุน โดยนักลงทุนต้องติดตามปัจจัยจากต่างประเทศเป็นสำคัญทั้งตลาดหุ้นต่างประเทศและการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรป เพราะจะมีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ประเมินแนวรับที่ 1,160 จุด แนวต้านที่ 1,170 จุด ด้านกลยุทธ์ แนะนำรอดูสถานการณ์
วันนี้ตลาดนะครับบ เอาภาษาชาวบ้านนะครับบ โคตรมั่ว ไม่มีทิศทาง เริ่มจากเปิดมาบวก 10 ตามตลาดต่างประเทศครับบ และก็ขึ้นไปสูงสุดที่ 14 จุดครับบ พอตลาดต่างประเทศเปิดลบ มันก้รีบลงตามเค้าอีกต่ำสุดเหลือบวก 4 จุด สุดท้ายมาปิดที่บวก 7 จุดครับบ ผมว่ามันน่าจะเกิดจากที่ต่างชาติกับสถาบันเห็นไม่ตรงกันอีกแล้วว มันก็เลยยึกยักๆๆๆ แต่ที่สังเกตเห็นก็คือเวลาตลาดลงเค้ากลุ่มแบงก์กับพลังงานลง พอเอาขึ้นดันเอาอสังหา กับก่อสร้างขึ้นนี่อะสิ เพราะฉะนั้นขิเสนอหุ้นข้างล่างนะครับบ ถ้าตลาดปรับตัวลงแรงๆๆอีกที ให้ทยอยซื้อแบ่งไม้ออกเป็นสัก 5 ไม้ให้ไม้แรกมีสัดส่วนน้อยที่สุดครับบบ ขอนำเสนอหุ้นสีเขียวด้านล่างอีกครั้งนะครับบ

ก่อสร้างขนส่งค้าปลีกเทคโนโลยีธนาคารนิคมเคมีภัณ์พลังงานโรงพยาบาลหลักทรัพย์อสังหา อาหารประกัน
TPIPL AOT LOXLEY SAMART KK AMATA AJBANPU BGHPHATRABLAND CPF BLA
CK BTS  SAMTEL KTB  IVLBCP   LH KBS THRE
DCC BECL   LHBANK  TPCLANNA   PS KSL  
STEC    TCAP   PTT   LPN MINT  
STPI    TISCO   TOP   SIRI TUF  
    TMB   TTW   SENATVO  
           GFPT