หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

TTA_Q2 review 31/5/57


หุ้นอีกหนึ่งตัวที่ Hothit ในปีนี้ เราจึงพยายามเข้าไปงัดแงะดูว่ามีอะไรน่าลงทุนมากน้อยแค่ไหน ก่อนหน้าต้องบอกเลยว่าเคยไปประชุมผู้ถือหุ้นมาครั้งนึง ทุกอย่างก็ดูดีเหมือนที่อื่นๆ ทำให้พบว่า TTA ได้ทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจไปหมด แต่ก่อนเป็นบริษัทขนส่งทางเรือแบบสุด ทำให้เมื่อถึงช่วง low season บริษัทและราคาก็จะนอนนิ่งๆๆนานเลยทีเดียว ขณะนี้ TTA ได้ผันตัวเองมาเป็นบริษัท holding ที่เข้าไปซื้อธุรกิจและลงทุนในหลายๆบริษัท ที่โครงสร้างธุรกิจแตกต่างกันส่งผลให้เกิด การ Diversification มากขึ้น เป็นผลดีต่อธุรกิจในอนาคตและยั่งยืน 
ตอนนี้ TTA มีธุรกิจอยู่ 3 ส่ววนใหญ่ คือ ขนส่งทางเรือง พลังงาน และสาธารณูปโภค 
โดยมีบริษัทลูก 4 บริษัท TTA shipimg Mermaid UMS BAconco โดยมีโครงสร้างรายได้ที่มาจาก 2 บริษัทแรก บริษัทละ 40%  รวมกันราว 80% ถือว่าเป็น core business ของบริษัท โดยรวมๆบริษัทมีผลกำไรที่ดีใน Q2 สามารถ turn around เมื่อเทียบ yoy จากปีก่อนหน้า ในปีนี้บริษัท EPS ครึ่งปีแรกที่ 0.42 ทำให้เราประมาณการณ์โดยใช้ P/E อ้างอิงจาก PSL average 3 ปีจาก 5 ปีล่าสุดโดยตัดตัวมากทิ้งได้ราว 30 เท่า เนื่องจาก TTA ประสบปัญหาขาดทุนมาหลายปี เราทำ FP ได้ที่ 25 บาทเราจึงแนะนำทยอยซื้อหุ้นตัวนี้เพื่อการลงทุน โดยมีกลยุทธ์เมื่อปรับฐานลงหลุด 20 บาท โดยถ้าดู forward P/e ของ TTA ตอนนี้อยู่ราว 24 ซึ่งอยู่ต่ำกว่า P/E ที่เราอ้างอิง ทำให้หุ้นตัวนี้ undervalue 
และ TTA มีโครงสร้างเงินทุนที่ดีขึ้น เนื่องจากการเพิ่มทุนก่อนหน้านี้ได้รับผลสำเร็จที่ดี ส่งผลให้ระดับของ D/E ratio ปรับลดลงจาก 0.99 ในปี 56 เป็น 0.73 เท่าใน Q2/57 นี้ 
แต่กลยุทธ์รวม TTA ยังคงเป็นธุรกิจแบบ seasonal ทำให้มีปัจจัยภายนอกหลายอย่างเข้ามากระทบต่อรายได้และผลกำไร ทำให้เราต้องตั้งรับราคาในการลงทุนเสมอ 
ปัจจัยการเพิ่มทุนนั้นนำเงินเป็นไปซื้อกองเรือมือ 2 เพิ่มเพื่อนำมาสร้างรายได้ของธุรกิจให้เพิ่มมากขึ้น โดยเรื่อที่ซื้อมานั้นใช้งานได้เลยทำให้ไม่ ต้องเสีย operating cost มาซ่อมแซมมาก และการซื้อเรือมือ 2 ไม่กระทบต่อ suuply ของเรือเพราะเป็นเรือที่มีอยู่แล้ว

BLAND_Year review 31/5/57


อันนี้น่าจะเป็นหุ้นตัวท้ายๆที่จะประกาศงบปีออกมา กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ลดลงราว 30% เทียบกับปีก่อนหน้า มีกำไรสุทธิลดลง 10% yoy เป็นเพราะว่าในปีก่อนหน้าบริษัทมีการรับรู้กำไรพิเศษ จากการตีราคาสินทรัพย์เพื่อตีราคาลงทุนใหม่ แต่ถ้าตัดก่อนนนี้ไปงบการเงินก็ถือว่าโเคเลยทีเดียว อย่าไรก็ตามราคาได้ขึ้นไปแตะสูงสุด ที่ 2.05 บาทไปแล้วเมื่อปีก่อนหน้าทำให้ เราใช้ P/E average 1 year ราว 16 เท่าและใช้ EPS 0.10 ทำให้เราประเมิณราคาได้ราว 1.61 บาท ในเชิงเปรียบเทียบเห็นว่าธุรกิจส่วนใหญ่ของบริษัทเกี่ยวกับที่ดิน เราจึงใช้ P/BV average 3 year 0.73 เท่า และ BV ที่ 2.27  ได้ FP ที่  1.66 บาท มี upside จำกัด เราจึงแนะนำ hold คือ เฉย แต่ทางเทคนิคอาจจะมีไล่ราคาได้ ก็ sprculative ไป

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Macro daily 29/5/57 กระทรวงการคลัง

1. . กระทรวงพาณิชย์ เผย ตัวเลขส่งออกเดือน เม.ย. ติดลบ 0.87 % พร้อมคงเป้าส่งออกปีนี้โต 5% เชื่อรับอานิสงส์เศรษฐกิจโลกฟื้น 2. ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย. หดตัวร้อยละ -3.9 3. หอการค้าเยอรมันปรับลดเป้าส่งออกเยอรมันปีนี้ลงเหลือร้อยละ 4.0
http://www.fpo.go.th/FPO/modules/Content/getfile.php?contentfileID=6506

วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Macro daily 28/5/57 กระทรวงการคลัง


1. ธปท. เตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย
2. ททท. เตรียมเสนอ คสช.ให้ 11 ส.ค. 57 เป็นวันหยุดราชการ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว
3. ธนาคารกลางยุโรป พร้อมใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
http://www.fpo.go.th/FPO/modules/Content/getfile.php?contentfileID=6496

DCON_Q1 review 27/5/57


ขอแนะนำหุ้นวัสกุก่อสร้างอีกหนึ่งตัวนะครับ เป็นหุ้นพื้นฐานดี จ่ายปันผลเด่น เข้า concept GOOd SAFE CHEAP ประเมิณมูลค่าได้ราว 14 บาท แนะซื้อตาม trend วัสดุก่อสร้างตามเค้าไป  D/E ratio ค่อนข้างต่ำความเสี่ยงน้อย มีเงินสดเยอะ มี time interest earned สูงถึง 50 เท่า

วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Macro daily 27/5/57 กระทรวงการคลัง


1. ธ.ก.ส. จ่ายหนี้ชาวนากว่า 9 หมื่นลบ. เสร็จ มิ.ย.นี้
2. โตโยต้าเผยยอดขายรถยนต์ในประเทศ เม.ย.73,260 คัน ลดลงร้อยละ 33.2
3. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสิงคโปร์ เดือน เม.ย. 57 อยู่ที่ร้อยละ 4.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน
http://www.fpo.go.th/FPO/modules/Content/getfile.php?contentfileID=6491

วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย 27/5/56

หุ้นปิดร่วง 8.55 จุด อยู่ที่ 1,388.29 จุด แรงขายบิ๊กแคป คาดพรุ่งนี้ผันผวน กรอบ 1,375 - 1,400 จุด ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ปิดการซื้อขายที่ 1,388.29 จุด ลดลง 8.55 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,499.36 ล้านบาท โดยดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,398.44 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,381.01 จุด

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ฝู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวน ปรับตัวลงต่อเนื่องจากวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีแรงเทขายกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ อาทิ กลุ่มพลังงาน PTT มีแรงเทขายจากประเด็นข่าวลือเรื่องการปรับบอร์ดบริหาร รวมถึงแรงขายในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่และกลุ่มสื่อสาร ในส่วนของมูลค่าการซื้อขายก็ลดลงหากเทียบกับวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่านักลงทุนส่วนหนึ่งยังคงจับตาประเด็นการเมืองว่าจะมีความชัดเจนมากน้อยเพียงใด
สำหรับประเด็นการมีรัฐบาลชั่วคราว คาดว่าจะได้เห็นในปลายสัปดาห์นี้ และจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยบ้างเล็กน้อย นอกจากนี้ประเด็นแนวนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ คาดว่าจะมีกระบวนการนำไปสู่การผ่านงบประมาณที่ยืดเยื้อมาครึ่งปี การจ่ายเงินจำนำข้าว และภาษีมูลค่าเพิ่มที่ยังคงอัตราเดิมที่ 7%
ส่วนตลาดหุ้นวันพรุ่งนี้ คาดว่า ยังเคลื่อนไหวผันผวน เนื่องจากรอประเด็นใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นการลงทุน ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่อยู่ภายใต้การดูแลของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อีกทั้งการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วงสิ้นเดือนนี้ และการประกาศปรับหุ้นเข้า-ออกของดัชนี MSCI ซึ่งตลาดรับข่าวไปพอสมควรแล้ว ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศไม่มีประเด็นอะไรที่กระทบตลาดหุ้นไทยมากนัก โดยหุ้นไทยรับข่าวในประเทศเป็นหลัก โดยประเมินแนวรับ 1,380-1,375 จุด แนวต้าน 1,400 จุด
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนลงต่อ ประเด็นหลักๆยังคงเป็นการเทขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ 3 วันร่วมหมื่นกว่าล้าน และ Short future 10000 กว่าสัญญา หุ้นที่นักลงทุนต่างชาติจะเป็นบิ๊กแคบ PTT BBL KBANK PTTEP PTTGC ADVANC THCOM แนะหลีกเหลี่ยง และ wait and see หุ้นขนาดใหญ่ ตลาดยังคงจับตาประเด็นทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจนว่า จะมีรัฐบาลชั่วคราวเมื่อไหร่ และนโยบายเศรษฐกิจจะไปในทิศทางไหน แน่ๆคือการช่วยชาวนาเรื่องจำนำข้าว การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% จะเป็นผลดีต่อสภาพเศรษฐกิจ และตลาดในเชิงพื้นฐาน เราถึงจะแนะทยอยรับหุ้นพื้นฐานดีที่มีกำไรเติบโตดี และมีประเด็นเชิงบวกต่อนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แนะ AEONT GLOW EGCO SPCG AMATA SCC CPF MINT BTS HEMRAJ BLA TTA ไอ้ตัวเขียวเข้มใน set100 review อะคับ ทยอยแปลว่า แบ่งเป็นหลายๆๆไม้ต่างราคาต่ำลงมาเรื่อยๆๆค่อยซื้อครับ แนวรับ/แนวต้าน 1375-1380/1400 จุด

Macro weekly 19-23/5/57 กระทรวงการคลัง


รายงานภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่  19-23 พ.ค.57

--------------------------------------------------------------------------------
Economic Indicators: This Week :เ
              เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 ปี 57 หดตัวร้อยละ -0.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนลดลงจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 0.6 และเมื่อขจัดผลของฤดูกาลออกพบว่าหดตัวร้อยละ -2.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ_SA) ตามการหดตัวของทั้ง   อุปสงค์ภายในประเทศและภายนอกประเทศ โดยการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนหดตัวร้อยละ -3.0 และร้อยละ -7.3 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากรายได้เกษตรกรที่ลดลง รวมถึงปัจจัยความไม่สงบทางการเมือง ทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจระมัดระวังการใช้จ่ายและการลงทุนมากขึ้น ส่วนอุปสงค์ภายนอกประเทศส่งสัญญาณหดตัวทั้งการส่งออกและการนำเข้าสินค้าที่ร้อยละ -0.4 และ -8.5 ตามลำดับ หากพิจารณาเศรษฐกิจด้านการผลิต พบว่าหดตัวเกือบทุกสาขาการผลิต โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้างที่ยังคงหดตัวในระดับสูงที่ร้อยละ -2.7 และร้อยละ -12.4 ตามลำดับ ขณะที่สาขาโรงแรมและภัตตาคาร หดตัวครั้งแรกในรอบ 2 ปี ที่ร้อยละ -3.1 จากปัญหาการเมืองในประเทศเป็นสำคัญ
               รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักการจัดสรรให้ อปท.) ในเดือนเมษายน 57 ได้จำนวน 134.7 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสาร งปม. 16.3 พันล้านบาท หรือร้อยละ 10.8 โดยมีรายการสำคัญดังนี้ (1) ภาษีฐานรายได้จัดเก็บได้ลดลงร้อยละ 14.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้ลดลงร้อยละ 13.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลกระทบของการปรับลดอัตราภาษีที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจึงทำให้การเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากฐานดอกเบี้ย (ภ.ง.ด. 2) ได้ลดลงประกอบกับภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้ลดลงร้อยละ 15.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการจัดเก็บภาษีจากค่าบริการและจำหน่ายกำไร (ภ.ง.ด. 54) ที่ลดลง และ (2) ภาษีฐานบริโภค (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) จัดเก็บได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ภาษีจากการนำเข้าจัดเก็บได้ลดลงร้อยละ 3.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการนำเข้าที่ชะลอลง ทั้งนี้ รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักจัดสรรให้ อปท.) ในช่วง 7 เดือนแรกของปี งปม. 57 (ต.ค. 56 – เม.ย.57) ได้จำนวน 1,075.4  พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และต่ำกว่าประมาณการตามเอกสาร งปม. 32.3 พันล้านบาท หรือร้อยละ 2.9.......Download รายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเอกสารประกอบ http://www.fpo.go.th/FPO/modules/Content/getfile.php?contentfileID=6484

Macro daily 26/5/57 กระทรวงการคลัง


1. บริษัทฟิทช์ เรทติ้ง ระบุ ทหารยึดอำนาจยังไม่กระทบเครดิตไทย
2. ยันการส่งออกไปสหรัฐ-ยุโรปไม่ถูกกระทบ
3. ยอดขายบ้านสหรัฐฯ กระเตื้องครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
http://www.fpo.go.th/FPO/modules/Content/getfile.php?contentfileID=6487

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย 26/5/57

หุ้นไทยปิดร่วง 8.37 จุด อยู่ที่ 1,396.84 จุด รีบาวน์จากช่วงเช้าที่ร่วงกว่า 30 จุด จับตาการเมือง คาดสัปดาห์หน้าแกว่งแคบ 1,380-1,420 จุด ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,396.84 จุด ลดลง 8.37 จุด(-0.60%)มูลค่าการซื้อขาย 53,516.32 ล้านบาท โดยแตะจุดสูงสุดของวันที่ 1,397.29 จุด และดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,375.41 จุด
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง(BLS)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เทรดคล้ายคลึงกับข้อมูลในอดีตจากที่มีการรัฐประหารในไทยมา 2 ครั้งแล้วในรอบ 20 ปี แต่รอบนี้นักลงทุนถือเงินสดไว้พอควร ทำให้ในแง่ของการปรับตัวของดัชนีฯจึงน้อยกว่า 2 ครั้งในอดีตที่มีค่าเฉลี่ยของการปรับตัวลงประมาณ 4%
"วันนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไม่มาก เพราะนักลงทุนในประเทศต่างจ้องซื้ออยู่แล้วเมื่อตลาดฯปรับตัวลง เพราะนักลงทุนมีการเตรียมเงินสดไว้ลงทุนพอควร ดังนั้นวันนี้แรงขายของนักลงทุนในประเทศจึงไม่มาก แต่จะเป็นการขายของนักลงทุนต่างชาติมากกว่า"นายชัยพร กล่าว
อย่างไรก็ดี ยังต้องรอดูรายชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และคณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดใหม่ด้วย ว่าจะเป็นใครบ้าง
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายชัยพร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังแกว่งตัวไม่มาก เพราะยังเฝ้ารอดูรายชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่อยู่ ซึ่งปกติกว่าจะรู้ก็จะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ถ้ารับทราบในช่วงสุดสัปดาห์นี้จะยิ่งดี จะช่วยส่งให้ตลาดฯปรับตัวขึ้นได้
พร้อมให้แนวรับ 1,380 จุด แนวต้าน 1,410-1,420 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,079.22 ล้านบาท ปิดที่ 189.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,536.15 ล้านบาท ปิดที่ 233.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,000.51 ล้านบาท ปิดที่ 157.50 บาท ลดลง 2.50 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,959.59 ล้านบาท ปิดที่ 184.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,929.58 ล้านบาท ปิดที่ 185.50 บาท ลดลง 4.50 บาท
ตอนนี้เราขอเช็คทีละส่วนก่อนนะครับ เราจะเริ่มด้วยพื้นฐาน เมื่อเปรียบเทียบราคาคลาดกลับพื้นฐานของบริษัทแต่ละตัวนั้น พบว่าหุ้นแต่ละตัวเริ่มปรับเข้าสู่ภาวะจุดุลยภาพของแต่ละตัวนะครับ คืองี้ส่วนใหญ่ การที่หุ้นจะขึ้นลงมันขึ้นอยู่กับ expectation กับ Grwoth% ซึ่งที่ผ่านมาพื้นฐานปรับเปลี่ยนทุก 3 เดือน ครั้งนี้ก็เช่นกัน ราคาขึ้นลงตามพื้นฐาน มีความผันผวนลดลง (unsystematic risk) ความเสี่ยงเฉพาะตัว  ผมเชื่อว่า downside risk มีจำกัดแต่สำคัญคือการเลือกหุ้นที่ถูกต้อง เวลาเหมาะสม
เราเริ่มมาดูกันต่อที่ Macro ภาพรวมของเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาก่อนมีการรัฐประหาร งบประมาณต่างๆๆหยุดชะงักส่งผลหลายบริษัทมีการขยายตัวมี่หยุดชะงัก มีปัญหาชุมนุมดารเมืองยืดเยื้อ คนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย เงียบๆซึมๆ  ทั้งตัว C และ G ไม่เติบโต การลงทุนจากประเทศ ในนิคมต่างๆๆ ชะลอลงด้วยการรอ BOI ส่งผลให้ I ก็ลดอีก เชื่อไหมว่า เรามี unemployment rate สูงขึ้นทั้งๆที่มันน้อยมากอยู่แล้ว และปัญหาจำนำข้าว (ขณะนี้จะมีงบประมาณออกมาช่วยชาวนาราว 90,000 ล้านบาท) จะทำให้เงินไหลกลับเข้าระบบ ชาวนาพวกนี้เป็นคนขับเครื่องประเทศชั้นดีระดับนึง เมื่อเรามาดูส่วนของ export ที่ผ่านมาเราก็หวังกับส่วนนี้พอสมควร หวังว่าจะช่วยให้ GDP เราไม่ติดลบ อันนี้คือสิ่งที่ผ่านมา อนาคตเมื่อเริ่มมีงบประมาณ มีรัฐบาล มีการขับเคลื่อนของส่วนต่างๆทำให้เงินไหลเข้ามาแล้วเกิด multiply ไปเรื่อยๆ 
เรามาดูทางต่างชาติบ้างที่ผ่านมา ต่างชาติต้องขายออกตามนโยบายของการลงทุน ที่ต้องลดสัดส่วนของการลงทุนลงในประเทศที่โดนยึดอำนาจ อย่าลืมนะครับช่วงต้นปีต่างชาติดาหน้าซื้อ่างแต่ตลาด 1200 จุดในขณะที่ประเทศเรายังไร้ทิศทาง แสดงเค้ามองว่าตลาดเราถูกเกินไปและอนาคตเมื่อกลับมาสภาวะปกติ ประเทศนี้จะขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี เมื่อ 3 วันที่ผ่านมาต่างชาติขายออกมาร่วม 10000 กว่าล้านบาท ทำให้ downside risk มีลดลง 
เห็นไหมครับว่าเราเจอคำว่า downside risk  มันไม่ได้แปลว่าไม่ลงนะครับ มันแปลว่าลงแล้วให้ซื้อครับ แนะซื้อหุ้นพื้นฐานชั้นดี ทยอยจัดหลายไม้รับ  AEONTS SIM CPF GFPT MINT SPCG BTS AMATA HEMRAJ SCC JAS แล้วเมื่อนโยบายเริ่มชัดเจน ตัวต่อไปจะทยอยมานะ

BTS_year review 25/5/57

คราวนี้เจอหุ้นขาประจำ ที่นักลงทุนส่วนใหญ่ถามถึง งบปี 57 ประกาศออกมามีกำไร 1.26 พันล้านบาท โตมหากาฬเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากมีการขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์และรับรู้รายได้ใน Q1 ทำให้งบโตมาก ถ้าตัดส่วนนั้นทิ้งก้ยังเติบโตได้ในระดับดี งบ Q4 ประกาศออกมาได้ราว 383.28ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบ yoy อย่างไรก็ตามเรายังทำ valuation ได้ราว 9 บาท อ้างอิง P/E 8.39 เท่า
เมื่อช่วงปีก่อน BTS ได้มีการปรับเปลี่ยนพาร์ ส่งผลให้หุ้นมีจำนวนลดลง ราคาหุ้นสูงขึ้น และเมื่อมีกำไรสุทธิสูงขึ้น ทำให้ P/E จาก 100 กว่าเหลือเพียวแค่ราว 30 เท่า และเมื่อปีที่ผ่านมา มีการขายกองทุนอสัวหาริมทรัพย์ออกมาทำให้ P/E ลดวูบเหลือ 8-10 เท่า ทำให้เราไม่สามารถใช้ P/e ชุดเดิมมาอ้างอิงจะทำให้ราคา Overprice สุงเกินไป แนะ trading buy take profit ราว 10%

TTW_Q1 review 25/5/57


SET100 Review weekly 25/5/57


SPCG_Q1 review 25/5/57


เราค้นหาเจอหุ้นอีก 1 ตัว ที่พื้นฐานดี คือ SPCG บริษัทพลังงานทางเลือกที่เริ่มมีโครงสร้างรายได้และมีโครงสร้างหนี้สินที่ดีขึ้น ทั้งนี้ EPS Q1 ออกมาที่ระดับ 0.32 บาทต่อหุ้น มองว่ามีโรงงานไฟฟ้าที่ดำเนินงานได้แล้วค่อนข้างมาก ราว 36 โรง เราประเมิณมุลค่า FP ได้ราว 28 บาท (Conservative) โดยอ้างอิง PE 35 เท่าและ EPS 0.8 บาท แนะ buy โดย take profit ทุก 3 เดือน

วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

MINT_Q1 review 24/5/57


เราค้นพบหุ้นดีตัวนึงทำธุรกิจหลายอย่าง ทั้งกลุ่มของโรงแรม อาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจจัดจำหน่าย ตอนแรกคิดว่าธุรกิจมีโอกาสทียะได้รับผลกระทบต่อปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ แต่กลับมีกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก MINT มีการเพิ่มสัดส่วนของ โรงแรม และ อาหารสู่ต่างประเทศในสัดส่วนที่เพิ่มสุงขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งห้องพักและมีสาขาของร้านอาหารที่เพิ่มสุงขึ้น ดังนั้นเราจึงประเมิณมูลค่าหุ้นตัวนี้ได้ราว 28 บาทโดย ใช้ P/E 26 เท่า average และประเมิณ Conservative EPS ไว้ที่ราว 1.05 บาท แต่เชื่อว่าน่าจะเกินกว่านี้ อย่างไรก็ตามตัวธุรกิจ มี Q2 ที่ค่อนข้างผลประกอบการไม่ค่อยดี เราจึงแนะนำ invested buy ในช่วงปลาย Q2 แต่ตอนนี้ แนะ trading buy ไล่ราคากระทบ P/e average ที่ราคา 27 บาท

Macro daily 23/5/57 กระทรวงการคลัง


1. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือน เม.ย. 57 ต่่าที่สุดในรอบ 58 เดือน
2. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมของจีน เดือน พ.ค. 57 อยู่ที่ระดับ 49.7 จุด
3. อัตราการว่างงานไต้หวันเดือน เม.ย. 57 ลดลงต่่าสุดในรอบ 71 เดือน
http://www.fpo.go.th/FPO/modules/Content/getfile.php?contentfileID=6474

XD Date JUNE 2557


NVDR TOp 20 buy 23/5/57




NVDR TOp 20 BUY 23/5/57


วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เรื่อง ผลการดาเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 1 ปี 2557


เรื่อง ผลการดาเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 1 ปี 2557
นายอานุภาพ คูวินิชกุล ผู้อานวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน สายนโยบายสถาบันการเงิน เปิดเผยผลการดาเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 1 ปี 2557 ว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีเสถียรภาพ สินเชื่อขยายตัวชะลอลงต่อเนื่อง คุณภาพสินเชื่อมีแนวโน้มด้อยลง แต่ธนาคารพาณิชย์ มีเงินสารองเพียงพอรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ความสามารถในการดาเนินงานดี เงินกองทุน อยู่ในระดับสูง
ในไตรมาส 1 ปี 2557 ภาวะเศรษฐกิจไทยหดตัวจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อ ครัวเรือนและธุรกิจระมัดระวังในการบริโภคและการลงทุน ส่งผลให้การขยายตัวของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 9.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน สินเชื่อธุรกิจ (สัดส่วนร้อยละ 69.6 ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวร้อยละ 9.4 ชะลอลงจากสินเชื่อภาคธุรกิจการเงิน ภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคการพาณิชย์ เป็นสาคัญ ทั้งนี้สินเชื่อ SME (สัดส่วนร้อยละ 37.3 ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวร้อยละ 11.7 ชะลอตัวลงเป็นไตรมาสแรกหลังจากที่ขยายตัวสูงมาตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สาหรับสินเชื่ออุปโภคบริโภค (สัดส่วนร้อยละ 30.4 ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวร้อยละ 10.7 ชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 12.9 ซึ่งเป็น การชะลอตัวในทุกประเภทสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ที่ขยายตัวร้อยละ 2.5 จากฐานที่สูงในปีก่อน ตามมาตรการรถคันแรก
http://www.bot.or.th/Thai/FinancialInstitutions/New_Publications/KeyDevFI/PerformanceBank/Documents/n1857t.pdf

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย 20/5/57

หุ้นไทยปิดบวก 5.37 จุด อยู่ที่ 1,410.63 จุด จับตาความชัดเจนการเมือง คาดพรุ่งนี้ผันผวน กรอบ 1,380-1,430 จุด ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ปิดการซื้อขายที่ 1,410.63 จุด เพิ่มขึ้น 5.37 จุด (+0.38%) มูลค่าการซื้อขาย 24,830.67 จุด โดยดัชนีปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 1,410.73 จุด และปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1,404.13 จุด
นายทวีรัชต์ มัททวีวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการสายการตลาด บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า ดัชนีฯหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนในแดนบวก เนื่องจากมีความคาดหวังถึงพัฒนาการทางการเมืองไทยว่าจะเห็นทางออกในช่วงปลายเดือนนี้ แต่การเคลื่อนไหวของดัชนีฯ ยังอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากทิศทางการเมืองในระยะสั้นยังไม่มีความชัดเจน จึงส่งผลให้การซื้อขายค่อนข้างเงียบเหงา มีมูลค่าการซื้อขายที่ไม่ค่อยหนาแน่น ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังไม่กล้ากลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยอย่างเต็มตัว
ส่วนทิศทางตลาดหุ้นวันพรุ่งนี้ คาดว่า หุ้นไทยยังคงแกว่งตัวผันผวนในกรอบจำกัด โดยนักลงทุนยังคงจับตาถึงพัฒนาการทางการเมืองต่อจากนี้ไปว่าจะเป็นอย่างไร โดยมีความคาดหวังว่าจะเห็นทางออกทางการเมืองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดยประเมินแนวรับ 1,380-1,400 จุด แนวต้าน 1,420-1,430 จุด
หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
PTT ปิดที่ระดับ 308.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
ADVANC ปิดที่ระดับ 243.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
CPF ปิดที่ระดับ 27.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
HMPRO ปิดที่ระดับ 8.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
DTAC ปิดที่ระดับ 122.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
วันนี้ตลาดบ้านเราขึ้นค่อนข้างอึดอัด วอลุ่มเบาบาง เหตุการเมืองยังไร้ทิศทาง ส่งผลให้ตลาดขึ้นมาบวก 5 จุดด้วยแรงเข้าซื้อจากสถาบัน เราเชื่อว่าเป็นการเปลี่ยนชุดหุ้นเข้าลงทุนเพื่อปรับพอร์ต โดยเน้นหุ้นพื้นฐานเป็นปัจจัยหลัก แนะลงทุนในหุ้น Global play มากกว่า Domestic play เชื่อว่าเศรษฐกิจยังขาดแรงหนุนอีกในระยะกลาง แต่ถือว่าเป็นจังหวะเข้าลงทุนในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า แนวรับ/แนวต้าน 1400/1420 จุดครับ เน้นหุ้น KBANK SIM AEONTS GFPT CPF TTA IVL HEMRAJ MINT KCE BLAND 

Macro daily 19/5/57 กระทรวงการคลัง


1. กระทรวงพาณิชย์ตรึงราคาอาหารห้างอีก 6 แห่ง
2. ธปท.คาดสินเชื่อทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ปี 57 โตประมาณร้อยละ 6-8
3. ธนาคารกลางยุโรปเตรียมออกมาตรการกระตุ้นหลังเศรษฐกิจโตตํ่ากว่าคาด
http://www.fpo.go.th/FPO/modules/Content/getfile.php?contentfileID=6419

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย 19/5/57

หุ้นไทยปิดร่วง 10.05 จุด อยู่ที่ 1,405.26 จุด ลุ้นการเมืองสงบ ดันดัชนีสัปดาห์หน้าขึ้นต่อ กรอบ 1,380 - 1,425 จุด     

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,405.26 จุด เพิ่มขึ้น 10.05 จุด(+0.72%)มูลค่าการซื้อขาย 44,328.82 ล้านบาท โดยแตะจุดสูงสุดของวันที่ 1,409.11 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,389.05 จุด
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดีผ่าน 1,400 จุดมาได้อีกครั้ง จากการเข้ามาเก็งกำไรผลการหารือนอกรอบของวุฒิสภาที่ประธานวุฒิฯจะแถลงในช่วงเย็นวันนี้อาจมีข้อสรุปแนวทางการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเฉพาะกิจ ทำให้นักลงทุนคาดหวังจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาวิกฤติทางการเมือง
สำหรับตลาดหุ้นในภูมิภาควันนี้ปรับตัวลดลงเฉลี่ย 1% จากแรงขายทำกำไร
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายภาดล กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับแนวทางการแก้ไขปัญหาทางการเมืองว่าจะออกมาในรูปแบบใด หากมีแนวทางแต่งตั้งนายกรักษาการหรือรัฐบาลรักษาการ และการชุมนุมในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้เป็นไปด้วยความสงบ ก็คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นต่อ แต่หากยังไม่ได้มีสิ่งที่จับต้องได้ สัปดาห์หน้าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแกว่งตัวลง
พร้อมให้แนวรับ 1,380 จุด แนวต้าน 1,420-1,425 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
ICHI มูลค่าการซื้อขาย 3,010.44 ล้านบาท ปิดที่ 23.10 บาท ลดลง 2.40 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,420.60 ล้านบาท ปิดที่ 241.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
CPF มูลค่าการซื้อขาย 2,225.47 ล้านบาท ปิดที่ 27.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,041.36 ล้านบาท ปิดที่ 168.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,824.05 ล้านบาท ปิดที่ 195.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

ตลาดเมื่อวันศุกร์ปรับตัวด้วยแรงซื้อจากฝ่ายสถาบัน ที่คงมองว่าการเมืองใกล้จบแล้วไม่ว่าจะออกข้างไหนก้ได้ และ การเข้าออกซื้อหุ้นใหม่ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่มีการเปลี่ยนถ่าย SECTOR หุ้นที่เป็น GLobal play เริ่มมีบทบาทอีกครั้ง เราแนะนำให้จับตาการเมืองเป็นปัจจัยหลัก แต่เชื่อว่าน่าจะมีจังหวะเข้าซื้อหุ้นพื้นฐานอีกครั้ง ปัจจัยต่างประเทศมีตัวเลขจีนที่ออกมาไม่ค่อยดี แต่ฝั่งอเมริกามีตัว unemploymet rate ลดลง ทำให้ต้อง Selected หุ้นนะครับ ถ้าใครกังวลเรื่องการเมืองเน้น buy on weekness แนะ KBANK SIM AEONTS MINT TTA KCE CPF BLA GFPT HEMRAJ AMATA JAS TUF

Macro weekly 6-16/5/57 กระทรวงการคลัง


รายงานภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่  6-16 พ.ค.57

--------------------------------------------------------------------------------
Economic Indicators: This Week :
       ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม เดือนเม.ย. 57 อยู่ที่ระดับ 57.7 ลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ระดับ 59.7 ซึ่งเป็นการปรับลดลงในระดับที่ต่ำสุดในรอบ 12 ปี โดยมีสาเหตุสำคัญ ได้แก่ 1. ความกังวลต่อความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ซึ่งจะเป็นตัวบั่นทอนภาวะเศรษฐกิจไทยค่อนข้างสูง เนื่องจากจะกระทบต่อการใช้นโยบายต่างๆของรัฐบาล  2. ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มค่าครองชีพที่ทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ราคาพืชผลทางการเกษตรปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และ 3. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเปราะบาง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวให้ลดลง
      ปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือนเม.ย. 57 มีจำนวน  139,875 คัน หรือหดตัวร้อยละ -21.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่หดตัวร้อยละ -18.1 โดยเป็นการหดตัวต่อเนื่องของยอดขายรถจักรยานยนต์ในภูมิภาคที่หดตัวร้อยละ -22.6 จากเดือนก่อนที่หดตัวร้อยละ -20.2 สอดคล้องกับยอดขายรถจักรยานยนต์ในกทม.หดตัวร้อยละ -17.0 จากเดือนก่อนที่หดตัวร้อยละ -11.2 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากรายได้ภาคครัวเรือนที่ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะรายได้เกษตรกรที่หดตัวลงทั่วทุกภาคของประเทศ ตามราคาสินค้าเกษตรสำคัญ อาทิ ข้าว ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวัง การใช้จ่ายสินค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าคงทนประเภทรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ เป็นต้น.......Download รายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเอกสารประกอบ  http://www.fpo.go.th/FPO/modules/Content/getfile.php?contentfileID=6412

SET100 review weekly 18/5/57 ปรับพื้นฐานใหม่นะครับ


DCC_Q1 review 18/5/57


CPF_Q1 review 18/5/57

buy ไปปปปป

AOT_Q2 review 18/5/57


แนะ speculative Stock ซื้อเก็งกำไร 200 บาท

AMATA_Q1 review 18/5/57

       

แนะนำ trading buy ได้ที่แนว 14.2-14.7 บาทโดยใช้ P/E 10 เท่า  ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 1 ปี มูลค่าพื้นฐานราว          16 บาท

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Macro daily 15/5/57 กระทรวงการคลัง

1. บลจ.ไทยพาณิชย์ชี้การเมืองยืดเยื้อท าเศรษฐกิจชะลอตัว
2. กรมพัฒนาธุรกิจการค้าไฟเขียวธุรกิจตั้งใหม่จดทะเบียนข้ามเขตเริ่ม 2 มิ.ย. 57
3. ตัวเลขว่างงานเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย. อยู่ท่ีร้อยละ 3.7 ของก าลังแรงงานทั้งหมด

วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

HFT_q1 review 14/5/57

งวดงบการเงิน งบปี 52 งบปี 53 งบปี 54 งบปี 55 ไตรมาส1/57
ณ วันที่ 31/12/2552 31/12/2553 31/12/2554 31/12/2555 31/3/2557
บัญชีทางการเงินที่สำคัญ          
สินทรัพย์รวม 1,738.69 1,755.24 1,889.28 2,224.16 2,367.61
หนี้สินรวม 435.54 407.40 358.24 368.08 425.55
ส่วนของผู้ถือหุ้น 1,303.15 1,347.83 1,531.04 1,856.08 1,942.06
มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว 658.43 658.43 658.43 658.43 658.43
รายได้รวม 2,042.66 2,240.00 2,394.33 2,384.23 638.61
กำไรสุทธิ 119.17 125.85 157.56 320.55 86.04
กำไรต่อหุ้น (บาท) 0.19 0.2 0.25 0.49 0.13
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ          
ROA(%) 8.96 10.7 11.55 19.49 20.24
ROE(%) 9.03 9.49 10.95 18.93 20.02
อัตรากำไรสุทธิ(%) 5.83 5.62 6.58 13.44 13.47
ค่าสถิติสำคัญ          
ณ วันที่ 30/12/2553 30/12/2554 28/12/2555 27/12/2556 12/5/2557
ราคาล่าสุด(บาท) 2.26 1.91 2.42 2.82 3.48
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 1,488.06 1,257.61 1,593.41 1,856.78 2,291.35
วันที่ของงบการเงินที่ใช้คำนวณค่าสถิติ 30/9/2553 30/9/2554 30/9/2555 30/9/2556 31/12/2556
P/E (เท่า) 12.29 10.29 8.72 7.33 6.4
P/BV (เท่า) 1.08 0.9 1.04 1.05 1.23
มูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น BV  (บาท) 2.07 2.11 2.35 2.68 2.82
อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน(%) 3.77 6.28 2.39 2.84 4.31
D/E ratio   0.30 0.23 0.20 0.22
รายได้รวม Growth%   9.66% 6.89% -0.42% 7.14%
กำไรสุทธิ Growth%   5.61% 25.20% 103.45% 7.37%
P/E Growth%   -16.27% -15.26% -15.94% -12.69%
Price Growth%   -15.49% 26.70% 16.53% 23.40%
Dupont analaysis          
TA/TE         1.22
NPM         13.47%
Asset turnover         0.27
ROE (Dupont)         17.72%
P/E Average 3 years         7.48
EPS Adjusted         0.52
Fair price         3.89
Upside%         11.82%