หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 1/10/55

General News

• ผลการทดสอบภาวะวิกฤติ (Stress Tests) ของธนาคารพาณิชย์ในสเปนพบว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ในสเปนจะต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้นรวม 5.93 หมื่นล้านยูโร ต่ำกว่าที่เคยมีการคาดการณ์กันว่า วงเงินช่วยเหลือน่าจะสูงกว่า 6 หมื่นล้านยูโร ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสเปน ทั้งนี้ นาย Luis Garicano ซึ่งเป็นอาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ที่ London School of Economics ให้ความเห็นว่าการทดสอบครั้งนี้ค่อนข้างน่าเชื่อถือ ซึ่งรัฐบาลสเปนคาดว่า ยอดขาดดุลการคลังในปีนี้จะอยู่ที่ 7.4% ของจีดีพี ยังตรงตามเป้าหมายการขาดดุลที่ 6.3% ถ้าหากไม่รวมเงินที่การช่วยเหลือภาคธนาคาร 

• ยูโรสแตทรายงานตัวเลขเงินเฟ้อในกลุ่มยูโรโซนของเดือนก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.7% เป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรปอาจจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้นมีความเป็นไปได้น้อยลง

• รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ช่วงเดือนก.ย.อยู่ที่ 78.3 จุด เพิ่มขึ้นจากระดับ 74.3 จุดในเดือนส.ค. และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน แต่ยังต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 79 จุด โดยสาเหตุที่ผู้บริโภคมีมุมมองเป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯมากขึ้นน่าจะเป็นเพราะมูลค่าอสังหาริมทรัพย์และราคาหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้น 

• การใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐฯของเดือนส.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยปัจจัยหนุนที่กระตุ้นยอดการใช้จ่ายผู้บริโภคมาจากการซื้อสินค้าอายุการใช้งานสั้นที่เพิ่มขึ้น 1.7% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น แต่การใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าคงทนและการใช้จ่ายด้านการบริการนั้นปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย แสดงถึงการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งเป็นปัจจัยหลักต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ฟื้นตัวเท่าใดนัก

• ต้ากง โกลบอล เครดิต เรทติ้ง บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของจีนให้ความเห็นต่อการใช้มาตรการ QE3 ของสหรัฐฯ ว่า QE3 นั้นไม่มีส่วนช่วยต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และอาจจะทำให้สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจย่ำแย่ลงอีกในระยะกลางถึงระยะยาว นอกจากนี้ QE3 ไม่ได้ช่วยลดภาระหนี้สาธารณะของสหรัฐลงได้ แต่จะนำไปสู่ภาระหนี้สินที่สูงขึ้น และทำให้สหรัฐฯ เผชิญกับความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือมากขึ้น และเป็นตัวสะท้อนถึงความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดน้อยลง 

• ธนาคารเอชเอสบีซีรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของภาคการผลิตจีนประจำเดือนก.ย.อยู่ที่ 47.9 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 47.6 จุดในเดือนส.ค. บ่งชี้ว่า สภาวะของธุรกิจภาคการผลิตในจีนยังคงหดตัวลงเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน แต่อัตราการหดตัวได้เริ่มชะลอลง โดยยอดสั่งซื้อใหม่เพื่อส่งออกลดลงสูงสุดในรอบ 42 เดือน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา

• ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้เดือนส.ค.อยู่ที่ 130.2 จุด หดตัวลง 1.7% จากเดือนก่อนหน้า และหดตัวลง 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลผลิตที่ลดลงในภาคการผลิตสินค้าส่งออกซึ่งเป็นผลมาจากภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก

• มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรสกุลเงินดองและสกุลเงินต่างประเทศของรัฐบาลเวียดนามลงมาอยู่ที่ระดับ B2 จากระดับ B1 โดยระบุสาเหตุมาจากความอ่อนแอของภาคธนาคารและภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ อาจทำให้เวียดนามเผชิญกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนจากต่างประเทศที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจเวียดนาม 

• ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือน ส.ค.55 ว่า ความต้องการในประเทศยังมีแนวโน้มที่ดี โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 4.1% จากระยะเดียวกันปีก่อน ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 14.2% จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้ภาคธุรกิจไทยยังให้ความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในระดับที่ดี แต่ภาคการส่งออกในเดือนส.ค.หดตัว 5.1% แย่กว่าเดือนก่อนหน้าที่หดตัวลง 3.9% ส่งผลให้การผลิตเพื่อการส่งออกยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ทำให้ ธปท.คาดว่ายอดการส่งออกทั้งปี 55 จะขยายตัวต่ำกว่า 7% และได้เตรียมปรับลดคาดการณ์จีดีพี จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 5.7% ในปีนี้

• ดอยช์แบงก์คาดว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งรวมถึงกรุงเทพ จาการ์ต้า และกัวลาลัมเปอร์มีความน่าลงทุน และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูง โดยอสังหาริมทรัพย์ประเภทซูเปอร์มาร์เก็ตส์ ห้างค้าปลีก และศูนย์ลอจิสติกส์ในอาเซียนเป็นโอกาสการลงทุนที่ดีเนื่องจากแนวโน้มจำนวนชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น และวิถีชีวิตในสังคมเมืองที่เปลี่ยนไปได้ดึงดูดผู้ประกอบการค้าปลีกจากทั่วโลกให้เข้าไปลงทุนในอาเซียนมากขึ้น 

Equity Market 


• SET Index ปิดที่ 1,298.79 จุด เพิ่มขึ้น 12.68 จุด หรือ 0.99% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 36,077 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,056 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้น โดยเป็นกลุ่มธุรกิจที่นักลงทุนคาดว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3 น่าจะมีแนวโน้มที่ดี นอกจากนี้ หุ้นหลายตัวในตลาดมีราคาปิดเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ซึ่งอาจเป็นผลของการทำวินโดว์เดรสซิ่งเนื่องจากเป็นวันซื้อขายสุดท้ายของไตรมาส 3 

Fixed Income Market

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุมากกว่า 1 ปี มีการปรับตัวลดลงทั้งหมด โดยเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง -0.04% ถึง -0.01% ส่วนรุ่นอายุต่ำกว่า 1 ปีมีอัตราผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น