หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย 13/11/55

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 12 พ.ย. ดัชนีขยับเพิ่มขึ้นได้ไม่มากนัก หลังยังขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ หนุนการลงทุน โดยระหว่างวันดัชนีทะยานขึ้นสูงสุดที่ 1,296.56 จุด ลดลงต่ำสุดที่ 1,289.63 จุด จนมาปิดตลาดที่ 1,294.50 จุด เพิ่มขึ้น 3.67 จุด หรือ 0.28% มูลค่าซื้อขาย 27,952.39 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ 381.25 จุด ลดลง 1.05 จุด มูลค่าซื้อขาย 858.24 ล้านบาท

    สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก

1. บีทีเอส ปิดที่ 6.45 บาท ลดลง 0.10  บาท

2. ซีพีเอฟ ปิดที่ 36.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

3. ดับบลิวเอชเอ ปิดที่ 20.10 บาท ลดลง 0.40 บาท

4. ธ.กสิกรไทย ปิดที่ 182.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท

5. ซีพีออลล์ ปิดที่    40.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท



            น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผช.ผอ.อาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่า ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบๆ แต่ส่วนใหญ่ยืนในแดนบวกได้ ตามแรงเข้าซื้อเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่ทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทำให้ช่วยประคองตลาดไว้ได้ แต่ดัชนีขยับไปไหนได้ไม่ไกล เนื่องจากใกล้สิ้นสุดฤดูกาลประกาศผลประกอบการแล้ว อีกทั้งปัจจัยต่างประเทศยังไม่แน่นอน

             ส่วนแนวโน้มวันที่ 13 พ.ย.นี้ มองว่า ดัชนียังแกว่งตัวผันผวน เพราะยังขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นการลงทุน ซึ่งต้องติดตามนโยบายหน้าผาทางการคลังของสหรัฐ รวมถึงหนี้สินในกรีซ ว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือในช่วงใด หลังจากที่รัฐสภากรีซได้อนุมัติงบประมาณปี 56 ของประเทศไปแล้ว ประเมินแนวรับที่ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,300 จุด ด้านกลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่อิงกับการบริโภคในประเทศ.
Select buy KSL AEONTS Q-CON KBANK BAY KTB TISCO CPF TOP PTTEP EGCO BH ADVANC GUNKUL 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น