General News
------------------
• พันธมิตรในยุโรปเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ของอิตาลีปฏิบัติตามนโยบายการปฏิรูปของนายกรัฐมนตรี มาริโอ มอนติ หลังจากที่เขาตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งก่อนหมดวาระ หลังจากซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนี ซึ่งได้กลับเข้าสู่การเมืองอีกครั้งสั่งเลิกสนับสนุนรัฐบาลของมาริโอ มอนติ ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของอิตาลีพุ่งขึ้น และตลาดหุ้นอิตาลีดิ่งลง
• รัฐบาลสเปน คาดว่า GDP ปีนี้จะติดลบ 1.3%-1.4% ซึ่งดีกว่าที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะติดลบ 1.5% ขณะเดียวกัน GDP จะกลับมาขยายตัวอีกครั้งในไตรมาส 3 - 4 ปีหน้า เนื่องจากภาระหนี้สินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจลดลง และภาคส่งออกกำลังขยายตัว
• ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีเดือน ธ.ค.สูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ 6.9 จุด จากติดลบ 15.7 จุดในเดือน พ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะติดลบ 11.5 จุด นับ เป็นสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ดี แม้ยูโรโซนยังคงเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า
• การเจรจาหลีกเลี่ยงสถานการณ์ Fiscal Cliff กำลังหยุดชะงัก หลังทำเนียบขาวและสมาชิกสภาคองเกรสฝ่ายรีพับลิกันไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการลดงบประมาณรายจ่ายด้านสวัสดิการสังคม และการขึ้นภาษีผู้มีรายได้สูง
• HSBC ยอมชำระค่าปรับ 1.9 พันล้านดอลลาร์ให้กับหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของสหรัฐ กรณีทำธุรกรรมทางการเงินกับอิหร่าน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐและสหภาพยุโรป และเป็นการฟอกเงินให้เครือข่ายยาเสพติดในเม็กซิโก
• ธ.สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ยอมจ่ายค่าปรับ 327 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติข้อหาละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่าน ซูดาน พม่า และลิเบีย และระงับปัญหาด้านกฏหมายที่ธนาคารเผชิญมาเป็นเวลาหลายเดือน
• HSBC คาดว่า GDP จีนจะขยายตัวจนกลับมาอยู่ที่ 8.6% อีกครั้งในปีหน้า จากการลงทุนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มีเสถียรภาพโดยมียอดขายที่อยู่อาศัยฟื้นตัว และจากการบริโภคที่ยังคงขยายตัว นอกจากนี้ ธ.กลางจีนจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ไม่เปลี่ยนแปลงในปีหน้าเพราะคาดว่าเงินเฟ้อจะไม่รุนแรง
• ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ในจีนเดือน พ.ย.อยู่ที่ 522.9 พันล้านหยวน ลดลง 7% จากปีก่อน สะท้อนถึงความต้องการสินเชื่อที่ชะลอลงหลังจากเศรษฐกิจชะลอลงต่อเนื่อง 7 ไตรมาส
• ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของผู้ประกอบการผลิตรายใหญ่ในญี่ปุ่น (ดัชนีทังกัน) ลดลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส และแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2553 ไปสู่ระดับ -10 จุด เพราะการผลิตเพื่อส่งออกทรุดตัวเนื่องจากเศรษฐกิจในต่างประเทศชะลอตัว และจากความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่เพราะความขัดแย้งระหว่างจีนและญี่ปุ่น
• เกาหลีใต้ คาดว่า ยอดส่งออกรถยนต์ในปีหน้าจะขยายตัว 3.1% มาอยู่ที่ 3.3 ล้านคัน ดีขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 1.5% ซึ่งเป็นผลดีจากการทำข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศคู่ค้าสำคัญ ทำให้อัตราภาษีนำเข้ารถยนต์จากเกาหลีใต้ลดลง โดยความต้องการรถยนต์จะมาจากภูมิภาคอเมริกาเหนือและสหภาพยุโรป
• ยอดหนี้ครัวเรือนเกาหลีใต้เดือน ต.ค.เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านล้านวอน มาอยู่ที่ 651.1 ล้านวอน หลังความต้องการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการใช้มาตรการลดภาษีเพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากความต้องการสินเชื่อระยะสั้นมากขึ้น เพื่อนำเงินไปชำระหนี้บัตรเครดิต หลังจากใช้จ่ายในช่วงวันหยุดเทศกาล Chuseok
• ธ.กลางอินโดนีเซีย คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.75% เป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน เพื่อทำให้เศรษฐกิจขยายตัวในช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง
• S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือประเทศไทยด้วย “แนวโน้มมีเสถียรภาพ” โดยมีปัจจัยการคลังและการเงินช่วยสนับสนุนความน่าเชื่อถือของประเทศ ส่วนระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการเมืองถือเป็นปัจจัยลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือ
• ครม. มีมติเห็นชอบกรอบเงินเฟ้อพื้นฐานปีหน้าที่ 0.5%-3.0%
• ธปท.เตรียมเพิ่มมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อให้ภาคเอกชนนำเงินออกไปลงทุนต่าง ประเทศมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ปลายเดือนนี้ นอกจากนี้ ธปท.ยังอยู่ระหว่างติดตามผลของมาตรการผ่อนคลายการไหลออกของเงินทุนที่ได้ดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา และจะทำความเข้าใจให้ประชาชนและนักลงทุนมีความมั่นใจในการออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น
Equity Market
------------------
• SET Index ปิดที่ 1,341.33 จุด เพิ่มขึ้น 6.38 จุด หรือ 0.48% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41,152.97 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,074.83 ล้านบาท ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ขึ้นสูงเกินคาด สำหรับวันนี้นักลงทุนยังคงติดตามผลการประชุม FOMC ของ FED วันที่ 11-12 ธันวาคมนี้ และความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหน้าผาการคลังสหรัฐ รวมถึงปัจจัยการเมืองในประเทศเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ว่าจะมีกลุ่มคัดค้านออกมาหรือไม่
Fixed Income Market
---------------------------
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วง -0.02% ถึง 0.01% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 11.1 ปี และ 15.8 ปี วงเงินรวม 22,000 ล้านบาท
• ธปท. คาดว่า เงินบาทจะเคลื่อนไหวได้อย่างมีเสถียรภาพ เนื่องจาก QE3 ของสหรัฐไม่ได้ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าประเทศมากเหมือนกับ QE ใน 2 รอบก่อนหน้า เนื่องจากความน่าสนใจของเอเชียและไทยลดลงหลังเศรษฐกิจขยายตัวได้ต่ำกว่าคาด ซึ่งกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้น และทำให้การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดชอง ธปท.ลดลงด้วย
• ธ.กลางฮ่องกง (HKMA) เข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราวานนี้ โดยการขายดอลลาร์ฮ่องกงมูลค่า 6.2 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) หลังจากแข็งค่าแตะเพดานกรอบบนของช่วงการซื้อขายประจำวันเป็นจำนวนหลายครั้ง
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ฮ่องกงเป็นผลจากปริมาณเงินทุนไหลเข้าเพื่อซื้อหุ้นในฮ่องกง และแรงหนุนจากการออกพันธบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผู้ขายพันธบัตรได้นำเงินที่ขายได้แปลงเป็นดอลลาร์ฮ่องกงเพื่อใช้ในการค้าหรือการลงทุน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น