หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เดลินิวส์ 17/7/55

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เตือนรับมือวิกฤติแรงงานชี้เอสเอ็มอีขาดแคลนหนัก
นายยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยการพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย 
(ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังกังวลกับปัญหาอื่น เช่น ราคา ตลาด ภาวะ
เศรษฐกิจ ค่าน้ำมัน มากกว่าปัญหาเรื่องแรงงาน ขณะที่ปัญหาค่าจ้างแรงงานไม่เป็นอุปสรรคมากนักในเอส
เอ็มอีขนาดใหญ่แต่มีผลกระทบกับรายเล็ก รายกลางที่ต้องปรับตัวอย่างมาก ขณะที่รายย่อมที่มีลูกจ้างไม่เกิน 
5 คนนั้นพบว่าไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายค่าแรงสูง ทั้งนี้เอสเอ็มอีขนดกลางและขนาดเล็ก จำเป็นต้อง
เร่งเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพและยกระดับเทคโนโลยีที่ใช้ทดแทนแรงงานคนให้เร็วที่สุด เพื่อควบคุมต้นทุน
และให้ธุรกิจแข่งขันได้ โดยนโยบายค่าจ้างสูงอาจทำให้เอสเอ็มอีบางส่วนต้องปิดตัวลงและเลิกจ้างแรงงาน 
แต่เชื่อว่าสถานการณ์ไม่น่าจะเลวร้ายเนื่องจากไทยยังขาดแคลนแรงงานระดับกลางและระดับล่างหลาย
แสนคน

กิตติรัตน์ปฐมนิเทศร้านถูกใจพาณิชย์โวสมาชิกทะลุหมื่นราย
รายงานข่าวจากระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้จัดโครงการปฐมนิเทศ ร้านถูกใจที่
ได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการประมาณ 6,000 ร้านค้า โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายก
รัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานเปิดงานแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ติดภารกิจแต่ต่อมา
ภายหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางเข้าร่วมเยี่ยมชมบูธร้านถูกใจ พร้อมถ่ายภาพก่อนที่จะเดินทางกลับ

รัฐบาลลังเลขึ้นแอลพีจีหวั่นชาวบ้านสวดยับดักคออาหารจานด่วน
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่า แม้รัฐบาลจะเสนอต่อรัฐสภา
ให้ราคาพลังงานก๊าซแอลพีจี ค่อยๆ ปรับให้เป็นไปตามกลไกตลาด และเตรียมพร้อมกับการเข้าสู่ประชาคม
เศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58 แต่จะเป็นการปรับแบบค่อยเป็นค่อยไปด้วยความระมัดระวัง โดยที่
ปรับให้ถูกต้องไปแล้วคือ ภาคอุตสาหกรรมขณะที่ภาคขนส่ง ได้เตรียมความพร้อมมาระยะหนึ่ง เพราะ
ไม่สนับสนุนให้รถบรรทุกมาแต่แรกแล้ว และขณะนี้กำลังจะเข้าสู่ภาคครัวเรือน

จี้ไทยพัฒนาการค้า-ลงทุนแนะปรับ6แนวทางสู้เออีซี
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 
(สศช.) เปิดเผยในงานสัมมนาเรื่อง "เศรษฐกิจไทยพร้อมหรือยังรับมือเออีซี" จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าว
เศรษฐกิจ และธนาคารกรุงเทพ ว่าประเทศไทยมีความจำเป็นต้องเร่งพัฒนาเรื่องการค้าการลงทุนในหลายๆ 
ด้าน เพื่อรับการแข่งขันในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้มอบหมายให้ สศช.ศึกษาผลกระทบ และโอกาสจาก
การเปิดเสรีอาเซียน เบื้องต้นพบว่า อุตสาหกรรมบางประเภทจำเป็นต้องย้ายฐานการลงทุนไปในอาเซียน 
เพื่อใช้แรงงานวัตถุดิบ และเป็นการไปเปิดตลาดในประเทศเหล่านั้นด้วย

โค้ก5เดือนโกยแชร์ตลาด54%
นายธิติ ตวงสิทธิตานนท์ ผู้จัดการการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์โคคา-โคลา บริษัท โคคา-โคลา 
(ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของและผู้ทำตลาดผลิตภัณฑ์น้ำอัดลมโค้ก, แฟนต้า, สไปร์ท ฯลฯ เปิดเผยว่า 
ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.55) ที่ผ่านมา ยอดขายของบริษัทเติบโต 18% สูงเกินเป้าหมายที่วางไว้ 
และมีส่วนแบ่งตลาดรวมในน้ำอัดลม ช่วง 5 เดือนแรก อยู่ที่ 54% เป็นผู้นำในตลาดน้ำอัดลมของไทย 
เพราะสามารถผลิตและจัดส่งสินค้าไปยังผู้บริโภคในทุกพื้นที่ได้ต่อเนื่อง ผู้บริโภคมีกำลังซื้อที่ดินขึ้นตาม
เศรษฐกิจของประเทศไทย

รัสเซียซื้อสับปะรดไทย
นายพิเชษฐ สถิรชวาล ผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) เปิดเผยว่าในวันที่ 21 ก.ค.นี้ ผู้ประกอบการ
จากประเทศรัสเซีย ภายใต้แบรนด์ มิสเตอร์ไพน์ แลนด์ออฟสไมล์ จะเดินทางมาลงนามการซื้อขายสับปะรด
สดและสับปะรดกระป๋องกับผู้ประกอบการไทย ซึ่งการสั่งซื้อครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นการเปิดตลาดสับปะรดของ
ไทยในรัสเซียเพิ่มขึ้นจากเดิมที่รัสเซียจะนำเข้าเพียงสับปะรดกระป๋องเท่านั้น โดยเบื้องต้นคาดว่าจะ
สามารถจัดส่งไปยังรัสเซียได้ประมาณปลายเดือน ก.ค.นี้ 80 ตัน ก่อนต่อยอดให้ถึง 1,000 ตันในเดือน
ต่อไป และวันที่ 3-10 ส.ค. นี้ ทีทีอาร์ยังเตรียมเดินทางไปยังรัสเซีย พร้อมกับนักธุรกิจ เพื่อเข้าหารือกับ 
รมว.พาณิชย์รัสเซีย ประธานสภาหอการค้ารัสเซีย และนักธุรกิจ เพื่อเจรจาเปิดตลาดการค้าและจับคู่ทาง
ธุรกิจของเอกชน โดยเฉพาะตลาดสินค้าเกษตรด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น