หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 2/5/56

General News
----------------


• แบงค์ออฟไซปรัส ธนาคารใหญ่ที่สุดในไซปรัส ยึดเงินผู้ฝากที่เกินบัญชีละ 1 แสนยูโร แล้วแปลงเงินฝากให้เป็นหุ้น Class A เสร็จสิ้นไปแล้ว 1 ใน 3 ของเงินฝากเกินบัญชีละ 1 แสนยูโรที่ไม่ได้รับการประกันอีกต่อไป เพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือ 1 หมื่นล้านยูโรจาก ECB

ทั้งนี้ มาตรการของ ECB ที่มีต่อไซปรัสได้รับเสียงวิจารณ์ในเชิงลบอย่างมาก และอาจผลักดันให้ผู้ฝากเงินจากประเทศในยูโรโซนต้องหาทางนำเงินไปลงทุนในประเทศอื่นhเพื่อปกป้องความมั่งคั่งของตนไว้

• มูดีส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือของสโลเวเนียลง 2 ขั้น สู่ Ba1 หรือระดับขยะ พร้อมให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือของประเทศเป็นลบ เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ถดถอยลงและหนี้สินของรัฐบาลสูงขึ้น

• ธนาคารกลางเยอรมนีคัดค้านมาตรการของ FED เรื่องให้ธนาคารต่างชาติขนาดใหญ่เพิ่มทุนให้กับธนาคารสาขาในสหรัฐ เนื่องจากจะก่อให้เกิดความผันผวนต่อระบบสถาบันการเงินโลกมากกว่าจะเกิดเสถียรภาพ

• ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอังกฤษเดือน เม.ย.ลดลงสู่ -27 จากเดิม -26 ในเดือน มี.ค. เนื่องจากหนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นในขณะที่การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลต่อความสามารถในการจับจ่ายใช้สอย

• อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนเดือน เม.ย.อยู่ที่ 1.2% จาก 1.7% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย 2% ที่ ECB กำหนดไว้ ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ECB จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค

• อัตราการว่างงานของอิตาลีเดือน มี.ค. อยู่ที่ 11.5% สูงสุดในรอบ 20 เดือน สะท้อนว่าเศรษฐกิจยังคงทรงตัว หลังจากถดถอยมานานกว่า 2 ทศวรรษ

• อัตราว่างงานของเยอรมนีเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 4,000 คน สู่ 2.94 ล้านคน เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่มากพอที่จะก่อให้เกิดการจ้างงาน ทั้งนี้ IMF ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า GDP เยอรมนีในปีนี้จะขยายตัว 0.6%

• ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือนสู่ 68.1 จาก 61.9 ในเดือนก่อน สะท้อนความเชื่อมั่นของชาวอเมริกันที่มีต่อเศรษฐกิจและรายได้ส่วนบุคคลที่ปรับตัวดีขึ้น

• ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้รับปัจจัยบวกจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในระดับต่ำ การลดลงของจำนวนบ้านที่เสนอขายในตลาด และการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัย

• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนเดือน เม.ย. ลดลงสู่ 50.6 จากเดิม 50.9 ในเดือนก่อน สะท้อนว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังไม่แข็งแกร่งพอเมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐาน

• ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้เดือน มี.ค.ลดลง 2.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังจากค่าเงินเยนอ่อนค่าลง ซึ่งเป็นผลดีต่อภาคการส่งออกของญี่ปุ่น แต่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้ โดยในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา เงินเยนอ่อนค่าลงไปแล้วประมาณ 19% เมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ ขณะที่เงินวอนอ่อนค่าลง 1%

• GDP ไต้หวันในไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.54% จากเดิม 3.72% ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ เนื่องจากความต้องการสินค้านำเข้าของสหรัฐและจีนชะลอตัวลง ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวในระดับต่ำ

• ธปท. เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยเดือน มี.ค.ส่งสัญญาณชะลอตัว หลังจากที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนติดลบเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เนื่องจากการนำเข้าสินค้าทุนลดลง อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจยังดีอยู่ สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน มี.ค.ที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าสู่ระดับ 54.4 ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน มี.ค.อยู่ที่ 2.69% จากระดับ 3.23% เนื่องมาจากการชะลอตัวลงของราคาพลังงานและอาหารสำเร็จรูป

• อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในเดือน เมย. ลดลงเกินคาดมาอยู่ที่ 2.4% อันเป็นระดับต่ำสุดในช่วงที่เคยเกิดวิกฤติ โดยนักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 2.7% ทั้งนี้ หมวดพลังงานลดลง 1.81% ลดลงมากที่สุดจากเดือนก่อน หรือเพิ่มขึ้นเพียง 3.1% นับจากต้นปีถึงเดือน เม.ย. ในขณะที่เพิ่มขึ้น 6.2% หากนับจากต้นปีถึงเดือน มี.ค. ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมราคาสินค้าในหมวดอาหารสดและพลังงาน) ก็ลดลงเกินคาดมาอยู่ที่ 1.18% (เดือนก่อนเป็น 1.23%) โดยนักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.30% ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ที่ 2.92% และ 1.39%

• ยังไม่มีการออกมาตรการดูแลค่าเงินบาทหลังผลการประชุม กนง.นัดพิเศวานนี้ แต่ กนง.กำลังติดตามเรื่องค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และได้มีการประเมินผลบวกลบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่าการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย ทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นและเข้ามาลงทุนมากขึ้น

Equity Market
---------------



• SET Index ปิดที่ 1,597.86 จุด เพิ่มขึ้น 12.93 จุด หรือ +0.82% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 51,696.62 ล้านบาท โดยดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านจากปัจจัยเสริมภายในประเทศที่บริษัทต่างๆมีการประกาศงบการเงินและตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาดี

สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (ล้านบาท)
----------------------------------------------------



นักลงทุนสถาบัน -101.09
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -66.44
นักลงทุนต่างชาติ +1,408.30
นักลงทุนทั่วไป -1,240.77

Fixed Income Market
------------------------



• พันธบัตรรัฐบาลไทยให้ผลตอบแทนลดลงทุกช่วงอายุ ระหว่าง -0.01% ถึง -0.03% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท. 14 วัน วงเงิน 30,000 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น