หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 29/4/56

General News
----------------



• เอ็นริโก้ เล็ตต้า ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิตาลี เปิดเผยรายชื่อ ครม.ชุดใหม่ หลังจากการเมืองในอิตาลีชะงักงันมาตั้งแต่เดือน ก.พ. โดยทั้ง 21 คนมาจากหลายพรรคผสมกัน รวมถึงพรรคของอดีตนายกรัฐมนตรี ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี และอดีตนายกรัฐมนตรี มาริโอ มอนติ

• รัฐบาลสเปนประกาศมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจรอบใหม่ซึ่งต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มการจ้างงาน โดยมีแผนจูงใจทางการคลังสำหรับบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม มาตรการช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ในการดำเนินงานระดับโลก และผ่อนคลายวีซ่าสำหรับนักลงทุนต่างชาติ แต่ได้ลดการประเมินเศรษฐกิจสำหรับปี 2556 โดยคาดว่าจะหดตัว 1.3% ในปีนี้ และจะขยายตัว 0.5% ในปีหน้า

• กรีซเริ่มปลดข้าราชการเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปี ตามมาตรการรัดเข็มขัดที่ตั้งเป้าจะลดจำนวนลง 1.8 แสนคน ภายใน 2 ปี ซึ่งนายกรัฐมนตรี อันโตนิส ซามาราส ระบุว่า เป็นการยกระดับงานบริการภาครัฐอันเป็นข้อเรียกร้องของสังคมกรีซ และสัญญาว่าจะสร้างงานใหม่ในจำนวนเดียวกันโดยเน้นที่ความรู้ความสามารถ

ทั้งนี้ ข้าราชการกรีซได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายมาตั้งแต่ปี 1880 เพื่อให้งานบริหารสาธารณะเป็นอิสระจากการเมืองและให้บริการได้ต่อเนื่อง เพราะรัฐบาลที่ได้รับเลือกตั้งใหม่มักจะปลดข้าราชการที่รัฐบาลก่อนจ้างแล้วตั้งคนของตนเองขึ้นมาแทน ทำให้เกิดเหตุวุ่นวายและงานชะงัก

อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้กลับสร้างปัญหาเดียวกันขึ้นเพราะรัฐบาลแต่ละชุดมักจะจ้างคนของตนเองเข้ามาเพิ่มโดยไม่ปลดคนเก่า ทำให้พนักงานภาครัฐขยายตัวโดยไม่เพิ่มประสิทธิภาพ

• ส.สถิติแห่งชาติของฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคด้านสถานการณ์การเงินและเศรษฐกิจโดยทั่วไปยังไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงท้ายเดือน เม.ย. เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค. แต่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว

• ก.พาณิชย์สหรัฐ รายงานว่า ตัวเลขประมาณการครั้งแรกของ GDP ที่แท้จริงประจำไตรมาส 1/2556 ขยายตัว 2.5% ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ แต่ยังดีกว่าไตรมาส 4/2555 ที่ขยายตัวเพียง 0.4% ซึ่งแม้ว่าGDP จะขยายตัวติดต่อกันถึง 15 ไตรมาส แต่ขยายได้เฉลี่ยเพียง 2% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานในอดีต

• มหาวิทยาลัยมิชิแกน รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐช่วงท้ายเดือน เม.ย. ลดลงสู่ 76.4 จากเดิม 78.6 ในเดือน มี.ค. แต่ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ และดีกว่าต้นเดือน เม.ย.ซึ่งอยู่ที่ 72.3

• เนชั่นแนล สคูล ออฟ ดีเวลล็อปเมนท์ ม.ปักกิ่ง คาดการณ์ว่า GDP ของจีนจะขยายตัว 8% ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นจาก 7.7% ในไตรมาสแรก สอดคล้องกับผู้เชี่ยวชาญหลายรายที่มองว่าเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 2 จะฟื้นตัวเล็กน้อยจากไตรมาสแรก เพราะการลงทุนและการบริโภคจะดีดตัวขึ้น

• สภาการไฟฟ้าจีน คาดการณ์ว่า การใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นราว 5.5-6.5% เมื่อเทียบรายปีในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ และจะขยายตัวเร็วขึ้นในอัตรา 6.5-8.5% ตลอดปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนน่าจะฟื้นตัวเล็กน้อยตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ต่อเนื่องไปตลอดปี ซึ่งจะทำให้ใช้ไฟฟ้ามากขึ้น

• ส.สถิติแห่งชาติของจีน เปิดเผยว่า บริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของจีนมีกำไรรวมในไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มขึ้น 12.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากอัตรา 17.2% ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.

• ส.สถิติของออสเตรเลีย เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวในประเทศขยายตัวเร็วกว่าเศรษฐกิจในปีการเงิน 2555 โดยสร้างรายได้มากกว่า 112 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย/วัน โดย GDP ของการท่องเที่ยวขยายตัว 5.3% ระหว่างปี 2554-55 แต่เศรษฐกิจโดยรวมขยายตัว 4.9%

• สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้ รายงานว่า เกาหลีเหนือกำลังเตรียมจะซ้อมรบครั้งใหญ่ทั้งทางอากาศและทางบกตามแนวชายฝั่งทะเลเหลือง ทำให้เกาหลีใต้เตรียมยกระดับความพร้อมในการรับมือกับการยั่วยุจากเกาหลีเหนือระหว่างการซ้อมรบ ซึ่งอาจรวมถึงการยิงขีปนาวุธระยะสั้น

• คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ในเดือน มี.ค.หดตัวลง 4.1% เมื่อเทียบรายปี แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 6.2% จากเดือนก่อนหน้า โดย ก.การค้าและอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะหดตัว 0.6% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาส 1

• องค์การอนามัยโลก ยอมรับว่า เชื้อไข้หวัดนก H7N9 รุนแรงกว่า H5N1 และอาจแพร่จากคนสู่คน โดยพบการติดเชื้อจากคนสู่คนในครอบครัวพ่อลูกชาวจีนซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว 2 คน

• กิตติรัตน์ ณ ระนอง กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่ต่ำกว่า 29 บาท/ดอลลาร์ เป็นระดับที่แข็งค่าเกินไป และเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบต่อการส่งออกรวมถึงเสถียรภาพและการขยายตัวของเศรษฐกิจ แต่ถ้า ธปท. จะคงดอกเบี้ยนโยบายต่อไป ก็ต้องเตรียมมาตรการเสริมแก้บาทแข็ง

• ประธาน ส.อ.ท. จะหารือกับ ธปท.เรื่องการออกมาตรการคุมค่าเงินบาทไม่ให้แข็งตัว เนื่องจากขณะนี้ส่งผลกระทบกับการส่งออกแล้ว โดย ส.อ.ท.ยังคงยืนยันให้ ธปท.ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 1% เพื่อให้ค่าเงินใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาคหรือประเทศคู่ค้า และค่าเงินบาทจะต้องทรงตัว

• นิด้า เปิดเผยว่า ตัวเลขเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบที่ 1.23% และเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.69% ซึ่งเหมาะกับการขยายตัวเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น การลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม

• รมว.พาณิชย์ ยืนยันเป้าหมายส่งออกในปีนี้ว่าจะขยายตัว 8-9% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 250,410 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมจะทำหนังสือถึง ธปท. เพื่อแสดงความกังวลต่อการแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่า และนำเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่ภาคเอกชนเสนอไปให้ด้วย

• ก.เกษตรและสหกรณ์ คาดว่า การผลิตไก่เนื้อยังคงเพิ่มขึ้นโดยสอดรับกับจำนวนประชากรและการส่งออกที่ขยายตัว หลังจากเริ่มส่งออกไก่สดแช่แข็งไปในหลายประเทศ ซึ่งคาดว่าไทยจะผลิตไก่เนื้อได้ประมาณ 1,077.05 ล้านตัวในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 1,055.93 ล้านตัวในปีก่อน โดยมีราคาที่เกษตรกรขายได้ในปีนี้เฉลี่ย กก.ละ 44 บาท เพิ่มขึ้นจาก 41.91 บาทในปีที่แล้ว เนื่องจากราคาไก่เนื้อสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นเพราะราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์และค่าแรงงาน

• รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้อนุมัติโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุนตามมาตรการเพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤตอุทกภัย รวม 36 โครงการ เป็นเงินลงทุน 9,348.4 ล้านบาท แบ่งเป็นการอนุมัติภายใต้มาตรการด้านภาษีอากร 20 โครงการ 3,553.4 ล้านบาท และการอนุมัติภายใต้มาตรการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนใหม่หรือขยายการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี 16 โครงการ 5,795 ล้านบาท

• มูดี้ส์ คาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของ GDP ไทยที่แท้จริงจะเป็น 5% ทั้งปีนี้และปีหน้า จากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง ในขณะที่การฟื้นตัวของการส่งออกยังคงอ่อนตัวลงจากอุปสงค์ภายนอกที่เปราะบางและการแข็งค่าอย่างรวดเร็วของเงินบาท

• กรณีที่ อุเทน ชาติภิญโญ ยื่นฟ้องคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยต่อศาลปกครองเพื่อให้ระงับการประมูลราคาตามโครงการ TOR การบริหารจัดการน้ำมูลค่า 350,000 ล้านบาท นั้น ปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศาลไม่รับเรื่องเเน่และการประมูลจะต้องเดินหน้าต่อ

ทั้งนี้ JIKA ระบุว่า ร่างแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมอาจไม่จำเป็นต้องสร้างทุกโครงการเพราะสามารถใช้มาตรการที่ไม่ใช้สิ่งก่อสร้างทดแทนได้โดยอาจใช้งบประมาณที่น้อยกว่านั้น แต่รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นว่า JIKA ไม่ได้รู้ดีกว่าตนเอง

• นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า หาก ธปท.มีมาตรการที่ทำให้เงินบาทอ่อนก็จะทำให้ราคาทองปรับราคาขึ้น

Equity Market
----------------



• SET Index ปิดที่ 1,582.93 จุด เพิ่มขึ้น 8.68 จุด หรือ +0.55% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 54,546.90 ล้านบาท ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงรอผลการประชุมทีมเศรษฐกิจเพื่อพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาเงินบาทที่แข็งค่าเร็วและมากเกินไป โดยเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะเน้นตลาดพันธบัตรมากกว่า

สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (ล้านบาท)
-----------------------------------------------------



นักลงทุนสถาบัน -9.76
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -105.84
นักลงทุนต่างชาติ 2,747,98
นักลงทุนทั่วไป -2,632.39

Fixed Income Market
------------------------



• ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเคลื่อนไหว -0.01% ถึง 0.03% โดยพันธบัตรที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปี เคลื่อนไหวไม่เปลี่ยนแปลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น