หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 23/8/55

General News

• กองทุนเฮดจ์ฟันด์ เริ่มหันมาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลกรีซที่มีราคาถูกมากขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากคาดว่ารัฐบาลกรีซอาจได้รับการปรับลดหนี้ลง โดยธนาคารกลางของประเทศต่างๆ และเจ้าหนี้ภาครัฐบาลต้องแบกรับความเสียหายจากการถือครองพันธบัตรกรีซเอง ส่งผลให้ผู้ถือครองพันธบัตรได้รับการจ่ายคืนเงินต้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันราคาพันธบัตรรัฐบาลกรีซอยู่ที่ระดับ 17 % ของมูลค่าที่ตราไว้

• กรีซยืนยันว่ายังไม่ต้องการเงินกู้งวดใหม่ แต่ขอให้ขยายเวลาการลดการขาดดุลงบประมาณออกไปอีก 2 ปี ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีกรีซยืนยันว่า ไม่มีความคิดที่จะนำกรีซออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซนและกลับไปใช้เงินสกุลเดิม เนื่องจากจะทำให้กรีซเผชิญผลกระทบที่เลวร้ายและความล่มสลายทางเศรษฐกิจ 

• ธ.กลางเยอรมนีเตรียมลดส่งเงินเข้าคลัง เนื่องจากต้องเพิ่มทุนสำรองเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากวิกฤติหนี้ ทั้งนี้ รัฐบาลได้คาดการณ์งบประมาณที่จะได้รับจากธ.กลางในปีหน้าไว้ที่ 1.5 พันล้านยูโร เทียบกับ 2.5 พันล้านยูโรในปีนี้ และ 2 พันล้านยูโรในปี 2014

• ผลสำรวจของสถาบันผู้อำนวยการ(IoD) บ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของอังกฤษกำลังชะลอการตัดสินใจการลงทุนและการจ้างงานออกไปอย่างน้อยอีก 1 ปี ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยนับตั้งแต่ปลายปี 2011 กำลังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ

• เดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธาน Fed สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอยู่ในระดับที่น่าผิดหวังในช่วงที่ผ่านมา และการผ่อนคลายนโยบายการเงินไม่ใช่สิ่งที่สามารถแก้ไขปัญหาหลายอย่างได้ในขณะนี้ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพียง 1.5% ในไตรมาส 2 และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8.3% ในเดือน ก.ค.

• มอร์แกนสแตนเลย์ ชี้ว่า FED ควรแสดงท่าทีที่ชัดเจนในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุน หลังมองว่า FED กำลังล้มเหลวในการลดการว่างงานและรักษาเสถียรภาพด้านราคา รวมทั้งคาดว่า FED จะไม่ออก QE3 จนถึงปลายปีนี้

• จีนปรับลดเงินนำส่งกองทุนที่บริษัทหลักทรัพย์ต้องนำส่งเข้ากองทุนคุ้มครองนักลงทุนลง 30-50% เนื่องจากบริษัทหลักทรัพย์ของจีนยังคงย่ำแย่ ดัชนีตลาดหุ้นจีนปรับลดลง ทำให้ปริมาณการซื้อขายที่เป็นแหล่งค่าธรรมเนียมของบริษัทหลักทรัพย์นั้นลดต่ำลงด้วย

• S&P คาดว่า จีนจะยังไม่ได้ดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่อีกครั้งในปีนี้ แม้มีสถานการณ์ตึงเครียดทางเศรษฐกิจมากขึ้นก็ตาม แต่การดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจยังคงเป็นทางเลือกหนึ่ง ถ้าภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง และอัตราว่างงานสูงขึ้นอย่างมาก

• ญี่ปุ่น ขาดดุลการค้าเดือนกรกฎาคม 5.174 แสนล้านเยน (6.5 พันล้านดอลลาร์) จากเดือนก่อนหน้าที่เกินดุลการค้า 62 ล้านเยน ซึ่งเป็นผลมาจากภาคส่งออกที่ชะลอตัวลงจากผลกระทบวิกฤตหนี้ยุโรปและการแข็งค่าขึ้นของเงินเยน ประกอบกับมีการนำเข้าน้ำมันและก๊าซ รวมถึงอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้ามากขึ้น

• ยอดขายในซูเปอร์มาร์เก็ตของญี่ปุ่นลดลง 4.9% จากปีก่อน ซึ่งปรับลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน เนื่องจากภูมิอากาศเย็นในช่วงต้นเดือนทำให้ยอดขายสินค้าสำหรับฤดูร้อนซบเซา ทั้งนี้ ยอดขายอาหารซึ่งมีสัดส่วนในตลาดกว่า 61.1% หดตัวลง 4.1% ในขณะที่ยอดขายเครื่องนุ่งห่มและสินค้าที่ใช้ภายในบ้านลดลง 6.5% และ 6.7% ตามลำดับ

• อินเดียมีแผนปรับโครงสร้างหนี้รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าราว 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการเงินในการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า หลังเกิดไฟฟ้าดับจนส่งผลให้ประชาชนกว่า 600 ล้านคนได้รับความเดือดร้อน ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าอินเดียขาดทุนเพิ่มขึ้น 15 เท่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้มียอดขาดทุนสะสมอยู่ที่ 2.88 แสนล้านรูปี (5.2 พันล้านดอลลาร์)

• เกาหลีใต้ เตรียมใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นแบบใหม่สำหรับสินเชื่อภาคเอกชนและครัวเรือน หลังจากมีการตรวจสอบกรณีธนาคารและบริษัทโบรกเกอร์ร่วมสมคบคิดกันในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยบัตรเงินฝาก(CD) ระยะเวลา 3 เดือน ทั้งนี้ดัชนีต้นทุนของเงินทุน (Cost of Funds Index) ที่จะนำมาใช้ครั้งนี้ จะประกาศสัปดาห์ละครั้งเพื่อใช้แทนที่อัตราดอกเบี้ย CD ในฐานะอัตราอ้างอิงสำหรับสินเชื่อระยะสั้น

• นักวิเคราะห์คาดการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์กำลังเข้าสู่ภาวะกระทิง หลังราคาเพิ่มขึ้น 21% จากระดับต่ำสุดของปีเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งในสหรัฐฯ ทำให้ราคาธัญพืชเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น ราคาถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และราคาข้าวโพดเพิ่มขึ้น 66% จากกลางเดือนมิถุนายน

• บีเอชพีบิลลิตัน บริษัทเหมืองแร่รายใหญ่อันดับ 1 ของโลก เตรียมชะลอการลงทุนโครงการพัฒนาเหมืองมูลค่าราว 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ออกไป หลังจากกำไรสุทธิในงวด 6 เดือนแรกปีนี้ลดลงมากกว่า 50% เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาแร่โลหะลดลง 

• สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ต่ออายุการคุ้มครองเงินฝากวงเงิน 50 ล้านบาทออกไปอีก 3 ปี เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นแก่ผู้ฝากเงิน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศยังผันผวน ธนาคารในสหภาพยุโรปถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงจำนวนมาก อย่างไรก็ดีจะมีการปรับลดวงเงินคุ้มครองต่อไปภายหลังจากปี 2558 ให้เหลือ 25 ล้านบาทในปีที่ 4 และ 1 ล้านบาทในที่สุด

• ก.พาณิชย์ คาดว่าการส่งออกของไทยในปีนี้จะเติบโตได้ประมาณ 9% จากปีก่อน โดยสินค้าเกษตรและชิ้นส่วนรถยนต์จะผลักดันรายได้การส่งออกให้เป็นไปตามที่ตั้งไว้ พร้อมตั้งเป้าส่งออกทุกเดือนจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี ให้ได้เฉลี่ย 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน

• ไทยมีแผนร่วมมือกับอีก 4 ประเทศ (เวียดนาม ลาว กัมพูชา พม่า) จัดตั้งสมาพันธ์ข้าวโลก เพื่อยกระดับมูลค่าข้าวในกลุ่มอาเซียนให้มีราคาสูงขึ้น โดยคาดว่าทุกปีจะสามารถผลักดันราคาข้าวขึ้นได้ราว 10%

Equity Market 


• SET Index ปิดที่ 1,234.14 จุด เพิ่มขึ้น 1.85 จุด หรือ +0.27% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 29,706.48 ล้านบาท นักลงทุนยังรอผลจากความชัดเจนเรื่องการเปิดประมูล 3G ความคาดหวังในปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจของการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)

Fixed Income Market


• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วง -0.06% ถึง +0.01% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ มูลค่ารวม 5,990 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น