ในปี 2554 อุตสาหกรรมชิ้นส่วนและยานยนต์ของประเทศไทย ประสบปัญหาในการผลิตใหญ่ถึง 2 ครั้ง โดยในครั้งแรกในเดือน มีนาคม 2554 ได้เกิดภัยธรรมชาติทั้งแผ่นดินไหวและซึนามิครั้งใหญ่ในประเทศญึ่ปุ่น ส่งผลโดยตรงต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนที่สำคัญที่ผู้ประกอบรถยนต์ในประเทศไทยมีการนำเข้า ทำให้ไม่สามารถผลิตรถยนต์ได้ เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ตั้งแต่เดือน เมษายน – พฤษภาคม 2554 และในช่วงเดือน ตุลาคม 2554 ประเทศไทยได้รับผลกระทบโดยตรงกับมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ โดยผู้ผลิตรถยนต์ (Honda) และผู้ผลิตชิ้นส่วนหลายบริษัท ต้องหยุดกิจการลง รถยนต์ไม่สามารถผลิตได้ ซึ่งประมาณการจากเหตุการดังกล่าว ยอดผลิตรถยนต์ได้หายไปจากตลาดไม่น้อยกว่า 350,000 คัน แม้ว่าในปี 2554 จะมีรถยนต์ที่เปิดตัว Model ใหม่ ได้แก่ Honda รุ่น Brio, Isuzu รุ่น D-Max All New, Ford รุ่น New Everest แต่ไม่สามารถส่งมอบให้กับลูกค้าได้ ส่วนทางด้านการส่งออก ภาวะเศรษฐกิจโลกได้เกิดปัญหาภาวะทางการเงินของประเทศกลุ่มยุโรปและสหรัฐอเมริกา ทำให้การส่งออกได้รับผลกระทบอีกทางหนึ่ง ยอดผลิตรถยนต์ในปี 2554 ลดลงเป็น 1,457,795 คัน หรือลดลงร้อยละ 11 แบ่งเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจำนวน 537,987 คัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 37 และมีอัตราการเติบโตลดลงร้อยละ 3 รถกระบะขนาด 1 ตัน (รวมรถกระบะเอนกประสงค์) จำนวน 899,200 คัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 62 และมีอัตราการเติบโตลดลงร้อยละ 16 สุดท้ายรถเพื่อการพาณิชย์อื่น ๆ จำนวน 20,608 คัน และมีอัตราการเติบโตลดลงร้อยละ 15
งวดงบการเงิน | งบปี 51 | งบปี 52 | งบปี 53 | งบปี 54 | ไตรมาส2/55 |
ณ วันที่ | 31/12/2551 | 31/12/2552 | 31/12/2553 | 31/12/2554 | 30/6/2555 |
บัญชีทางการเงินที่สำคัญ | |||||
สินทรัพย์รวม | 6,360.47 | 6,191.91 | 8,077.17 | 8,830.96 | 9,619.92 |
หนี้สินรวม | 3,799.63 | 3,323.74 | 3,901.99 | 4,648.70 | 5,105.15 |
ส่วนของผู้ถือหุ้น | 2,560.84 | 2,868.18 | 4,175.18 | 4,182.27 | 4,514.77 |
มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว | 300.00 | 300.00 | 339.92 | 339.92 | 339.92 |
รายได้รวม | 5,957.53 | 4,357.62 | 6,446.95 | 6,577.64 | 4,543.59 |
กำไรสุทธิ | 634.68 | 314.44 | 771.34 | 408.16 | 368.23 |
กำไรต่อหุ้น (บาท) | 2.12 | 1.05 | 2.48 | 1.2 | 1.08 |
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ | |||||
ROA(%) | 15.31 | 7.63 | 14 | 7.16 | 7.61 |
ROE(%) | 26.36 | 11.58 | 21.9 | 9.77 | 10.93 |
อัตรากำไรสุทธิ(%) | 10.65 | 7.22 | 11.96 | 6.21 | 8.1 |
ค่าสถิติสำคัญ | 30/12/2551 | 30/12/2552 | 30/12/2553 | 30/12/2554 | 22/8/2555 |
ณ วันที่ | |||||
ราคาล่าสุด(บาท) | 4.98 | 13.2 | 29.25 | 21 | 29.25 |
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด | 1,494.00 | 3,960.00 | 9,942.76 | 7,138.39 | 9,942.76 |
วันที่ของงบการเงินที่ใช้คำนวณค่าสถิติ | 30/9/2551 | 30/9/2552 | 30/9/2553 | 30/9/2554 | 30/6/2555 |
P/E (เท่า) | 2.13 | 17.69 | 12.66 | 10.48 | 20.88 |
P/BV (เท่า) | 0.59 | 1.48 | 2.49 | 1.67 | 2.2 |
มูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น (บาท) | 8.48 | 8.93 | 11.77 | 12.6 | 13.28 |
อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน(%) | 14.06 | 2.27 | N.A. | 4.06 | 1.54 |
D/E ratio | 1.16 | 0.93 | 1.11 | 1.13 | |
รายได้รวม Growth% | -26.86% | 47.95% | 2.03% | 38.15% | |
กำไรสุทธิ Growth% | -50.46% | 145.31% | -47.08% | 80.43% | |
P/E Growth% | 730.52% | -28.43% | -17.22% | 99.24% | |
Price Growth% | 165.06% | 121.59% | -28.21% | 39.29% | |
Fair price | 33.56 | ||||
upside% | 14.72% |
ดูจากภาพรวมนะครับบบ พบว่าเป็นหุ้นหัวแถวของกลุ่มยานยนต์ครับบ ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายคันแรกเต้มๆ เพราะผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ของรถที่ได้รับภาษีคืนอย่าง mazda isuzu mitsu ครับบบ แถมถูกอั้นจากน้ำท่วมปีที่แล้วด้วยครับบ เราจึงตัดสินใจที่ 33.56 บาทน่าจะได้มากกว่านี้ อย่างเบาๆๆครับบบ เพราะประเมิณอีก 2 q ค่อนข้างอยากครับบ ก้เลยไม่อยากให้เยอครับบ แต่ถ้าดูตามหลักแล้วน่าจะออกมาดีทีเดียวครับบ เลยให้ p/e 14 เท่าเฉลี่ย 3 ปีครับบ eps ที่ 2,29 ครับบบ ตอนนี่เทรดที่ 20 เท่ามันก็เลยตันๆๆครับบ แนะนำ strong buy ครับบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น