หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 28/8/55

General News

• เยอรมนีและฝรั่งเศสเห็นพ้องกันที่จะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อผลักดันความร่วมมือด้านสหภาพธนาคารและสหภาพการคลังให้เดินหน้า รวมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสหภาพการเงินในยุโรป นอกจากนี้ เยอรมนีและฝรั่งเศสยังจะติดต่อประสานงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลสเปน เพื่อให้สามารถต...ัดสินใจได้อย่างฉับไวเกี่ยวกับแผนการเพิ่มทุนให้กับภาคธนาคารของสเปน

• นายเจนส์ ไวด์มานน์ ประธานธ.กลางเยอรมนี (บุนเดสแบงก์) แสดงความไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับแผนการซื้อพันธบัตรของ ECB เนื่องจากท้ายสุดพันธะดังกล่าวจะกลายเป็นความรับผิดชอบของประชาชนผู้เสียภาษีของประเทศ รวมถึงไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาด้านปัจจัยพื้นฐานและมีแต่จะทำให้เกิดการเสพติต โดยตามหลักการแล้ว รัฐบาลควรมีบทบาทร่วมในการตัดสินใจและแบกรับความเสี่ยงร่วมกันไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ECB เพียงผู้เดียว

• สนง. สถิติแห่งชาติสเปนปรับลดตัวเลข GDP สเปนในปี 2010 จาก -0.1% เป็น -0.3% และ ปี 2011 จากขยายตัว 0.7% เป็น 0.4% เนื่องจากมีการปรับลดตัวเลขทางด้านการส่งออก

• นายลูอิส เดอ กวินโดส รมว.เศรษฐกิจของสเปน กล่าวว่า สเปนจะใช้เงินราว 6 หมื่นล้าน ยูโรจากมาตรการซื้อพันธบัตรของ ECB ในการเพิ่มทุนให้กับภาคธนาคารที่ยังเปราะบาง โดยที่สเปนจะรักษาพันธะสัญญาในการลดยอดขาดดุลด้วยการดำเนินการทางการคลังที่เข้มงวดมากขึ้น

• สถาบันวิจัยเศรษฐกิจไอเอฟโอของเยอรมนี เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีในเดือนส.ค. ลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันมาอยู่ที่ระดับ 102.3 เนื่องจาก บริษัทของเยอรมนีเผชิญความกับเสี่ยงมากขึ้นจากผลกระทบของวิกฤติยูโรโซน ซึ่งอาจส่งสัญญาณถึงภาวะอ่อนแอทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ 

• ราคาบ้านของอังกฤษในเดือน ส.ค ลดลง 0.1%จากเดือน ก.ค. และเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ด้วยอุปทานบ้านที่มากขึ้นแต่อุปสงค์กลับลดลง เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าอุปสงค์จะลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของ ปีนี้ถึงแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านจะลดลงก็ตาม

• JP Morgan คาดว่าจะไม่มีการส่งสัญญาณการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในการแถลงภาวะเศรษฐกิจประจำปีของนายเบน เบอร์นันเก้ ที่แจ็คสันโฮลในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ โดยหากมีการใช้มาตรการเพิ่มเติมจริงน่าจะมีการประกาศภายหลังการประชุม FOMC ในวันที่ 12 – 13 ก.ย. 

• รัฐสภาสหรัฐฯเปิดเผยว่า ปริมาณการส่งออกอาวุธของสหรัฐในปี 2554 อยู่ในระดับสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยคิดเป็นมูลค่า 66,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีลูกค้ารายใหญ่ได้แก่กลุ่มประเทศอาหรับซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีความตึงเครียดทางทหารและความวุ่นวายทางการเมือง ทั้งนี้ ธุรกิจอาวุธที่เติบโตในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างงานให้แก่ชาวอเมริกันกว่า 75,000 ตำแหน่ง

• กำไรของภาคอุตสาหกรรมจีนในเดือนก.ค. ลดลง 5.4% เมื่อเทียบกับปี 2554 และเป็นการปรับตัวลงเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยที่อุตสาหกรรมกลั่นน้ำมัน ถ่านหิน และพลังงานนิวเคลียร์ ประสบกับการขาดทุน เนื่องมาจากภาวะอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศที่ชะลอตัวรุนแรงขึ้น ทั้งนี้ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในเดือนก.ค. ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจของจีนในไตรมาส 3 อาจชะลอตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน 

• Moody’s ประกาศเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของเกาหลีใต้จากระดับ A1 เป็น Aa3 เนื่องจาก 1. เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง 2. มีความเสี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือลดลง 3. มีนโยบายการคลังที่ยืดหยุ่นในการจัดการกับความเสี่ยงภายในและวิกฤตภายนอกประเทศ 4. ภาคส่งออกที่มีขีดความสามารถสูง 5. ภาคธนาคารมีความแข็งแกร่ง ทั้งนี้โนมูระคาดว่าการปรับอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้จะช่วยให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้าสู่ตลาดการเงินเกาหลีใต้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรรัฐบาล

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกาหลีใต้ในเดือนส.ค. ลดลงสู่ระดับ 99 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนที่ดัชนีอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 และยังคงมีแนวโน้มขาลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 บ่งชี้ว่าผู้บริโภคมีมุมมองเชิงลบ ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ

• ธปท.เปิดเผยว่า ยังไม่พบสัญญาณฟองสบู่ในภาคอสังหาฯ อีกทั้งอุปสงค์กับอุปทานเป็นไปตามภาวะตลาด มีเพียงแค่ตลาดคอนโดฯแนวรถไฟฟ้าเท่านั้นที่มีการปรับราคาขึ้นมาบ้าง ซึ่ง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากน้ำท่วมคราวก่อนที่ทำให้ประชาชนบางส่วนอยากย้ายทำเลที่อยู่อาศัย

• สภาพัฒน์ฯ เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นเป็น 0.85% สูงกว่าปีที่แล้วที่ระดับ 0.6% เนื่องจากกำลังคนเข้าสู่ตลาดแรงงานเพิ่มขึ้น 2.1% ในขณะที่ความต้องการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 1.6% เนื่องจากผลกระทบของการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำและภาวะวิกฤตหนี้ยูโรโซนที่ทำให้การลงทุนและการผลิตยังไม่สามารถขยายตัวได้เต็มที่ ทั้งนี้ ยังได้แนะนำให้มีการทบทวนโครงสร้างของสาขาการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมถึงพัฒนาทักษะแรงงานทางด้านภาษา ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาของประเทศเพื่อนบ้าน

• ยอดส่งออกข้าวของเวียดนามในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 0.5% จากช่วงเดียวกับของปีที่แล้วสู่ระดับ 5.51 ล้านตัน อีกทั้ง กัมพูชาจะลงนามในข้อตกลงค้าข้าวกับอินโดนีเซีย โดยวางแผนส่งออกข้าวไปอินโดนีเซียอย่างน้อย 100,000 ตัน ในขณะที่สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยคาดว่าแนวโน้มการส่งออกข้าวทั้งปี 2555 จะอยู่ในระดับ 6.5 ล้านตัน ซึ่งต่ำกว่าอินเดียและเวียดนามที่มีราคาถูกกว่า

Equity Market 


• SET Index ปิดที่ 1233.73 จุด ลดลง 3.46 จุด หรือ -0.28% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 25,809.65 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 163.20 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีแกว่งตัวผันผวนผันผวนในกรอบแคบเป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยมีแรงขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากที่ก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังรอความชัดเจนของมาตรการผ่อนคลายทางการเงินจากทั้งสหรัฐฯ และยุโรป

• ตลท. คาดว่าโครงการ ASEAN Linkage จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในเดือน ต.ค. 2555 โดยในเบื้องต้นจะมี 3 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ซึ่งจะทำให้ตลาดมีการขยายตัวและสามารถดึงดูดเม็ดเงินจากทั้งภายนอกและภายในภูมิภาค อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้นอีกด้วย

• หุ้นบริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ร่วงลง 7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับเป็นอัตราที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี หลังจากที่คณะลูกขุนสหรัฐฯ ตัดสินว่าซัมซุงลอกเลียนแบบดีไซน์ผลิตภัณฑ์จากแอปเปิ้ลและต้องชดเชยค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 1.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ซัมซุงกำลังเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินดังกล่าว

Fixed Income Market


• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอยู่ในช่วง -0.01% ถึง 0.01% โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,487 ล้านบาท สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธปท.อายุ 1/3/6 เดือนมูลค่ารวม 65,000 ล้านบาท

• Blackrock มีมุมมองเชิงบวกกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ถึงแม้ว่าในปีนี้จะให้ผลตอบแทนต่ำสุดในภูมิภาคที่ระดับ 1.9% เมื่อเทียบกับพันธบัตรอินโดนิเซียที่ 6.1% อย่างไรก็ตาม พันธบัตรรัฐบาลไทยมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำทำให้ธปท. สามารถใช้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันท่วงทีหากจำเป็น โดยแนะนำให้ลงทุนในพันธบัตรที่มีอายุยาวเนื่องจากราคายังไม่ซึบซับปัจจัยความเป็น ไปได้ในการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ ธปท.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น