หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

ไทยรัฐ 29/1/56

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

องค์กรต่อต้านคอรัปชันแฉไทยขนเงินโกงออกนอกประเทศ 10 ปี 2 ล้านล้าน
องค์กรต่อต้านคอรัปชัน (ประเทศไทย) กางแผนยุทธศาสตร์ต้านคอรัปชันปี 56 ยึดหลักปลูกฝัง ป้องกันและเปิดโปง แฉไทยถูกลอบขนเงินออกนอกประเทศ ที่คาดว่าเป็นเงินจากการคอรัปชัน และค้ายาเสพติดมากที่สุดในช่วง 10 ปี สูงถึง 2 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับที่ 13 ชี้คอรัปชันเป็นความสูญเสียใหญ่หลวง และเป็นภัยร้ายแรงต่อประเทศ

คุมรถโดยสารเบี้ยวค่าเสียหายประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า กระทรวงคมนาคมจะเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการวางหลักทรัพย์จำนวนและมูลค่าของหลักทรัพย์ และกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งจะต้องรับผิดชอบเนื่องจากการขนส่ง พ.ศ. ....ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (29 ม.ค.) พิจารณา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเบื้องต้นสำหรับประกันความเสียหายอันเกิดแก่ชีวิต หรือร่างกายของบุคคลภายนอก โดยกำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง และผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลต้องวางหลักทรัพย์ 35,000 บาท สำหรับรถคันที่ 1 และคันละ 500 บาท สำหรับรถคันต่อๆไป แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 300,000 บาท ส่วนผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งรถโดยสารขนาดเล็กต้องวางหลักทรัพย์ 35,000 บาท สำหรับรถคันที่ 1 และคันละ 200 บาท สำหรับรถคันต่อๆไป แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 200,000 บาท

"ณัฐวุฒิ" อึ้ง! กว่า 100 บริษัทส่อนอมินี ต่างด้าวถือหุ้นข้างน้อยแต่ครอบงำกิจการ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้รายงานผลตรวจสอบสถานะบริษัทไทยที่มีคนต่างชาติถือหุ้นตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เบื้องต้นพบมีมากกว่า 100 บริษัท เสี่ยงจะมีคนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) เพราะแม้ต่างชาติที่ถือหุ้นในบริษัทเหล่านั้นจะมีสัดส่วนการถือหุ้นไม่เกิน 49.99% ตามที่กฎหมายกำหนด แต่เมื่อตรวจลึกลงไป กลับพบว่าคนต่างชาติมีสิทธิ์ออกเสียง หรือครอบงำการบริหารกิจการมากถึง 90% หรือมีอำนาจบริหารมากกว่าคนไทยที่มีสัดส่วนหุ้นมากกว่า จึงเสี่ยงที่จะเป็นบริษัทของคนต่างด้าวมากกว่า ซึ่งสัปดาห์นี้ จะแถลงข่าวรายละเอียดที่ตรวจพบทั้งหมด เพราะถือว่าหลบเลี่ยงกฎหมายไทย และไม่ถูกต้อง

เตือนไม่ฟัง! ดอกเบี้ยสูงทำบาทแข็ง
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยถึงการเดินทางไปร่วมประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า อาเซียนถูกมองว่าเนื้อหอมเพราะหากการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) สำเร็จ จะมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก เพราะจะเป็นการเปิดเสรีการค้าสินค้า การค้าบริการและการและการลงทุน รวมถึงการเคลื่อนย้ายบุคลากร "ที่ประชุมมองว่า แม้เศรษฐกิจโลกปีนี้ไม่ฟื้นตัว แต่ก็ไม่ทรุดตัวต่อ ทั้งไอเอ็มเอฟ, เวิลด์แบงก์, เอดีบี มองว่าเศรษฐกิจโลกตะวันตกทรงตัว ส่วนประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย แอฟริกา เศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้นเฉลี่ย 5.5%" นายกิตติรัตน์กล่าวต่อถึงค่าเงินบาทแข็งค่าว่า รัฐบาลได้เตรียมมาตรการรองรับด้วยการเพิ่มกำลังซื้อในประเทศแต่เนิ่นๆ แล้ว ซึ่งถ้าไม่ดำเนินมาตรการนี้ ปีที่แล้วที่ส่งออกไม่ได้ก็ไม่มีทางทำให้เศรษฐกิจโตได้ 5% กว่าแน่ "ค่าเงินบาทแข็งบางกลุ่มน่าเห็นใจ แต่คนจำนวนหนึ่งเงียบ ยิ้มแย้มแจ่มใส ค่าเงินบาทแข็งเพราะกลไกทำงาน จากการเกินดุลการค้า ดุลบริการ และดุลชำระเงิน ผมมองมาตั้งแต่ไก่โห่ แต่เขาไม่เชื่อผมเขาทำให้ดอกเบี้ยสูง จึงดูดเงินเข้ามา ยุ่งเขามากเขาก็ว่าไม่มีอิสระ"

ประมูลแผนจัดการน้ำ ก.พ.นี้
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เผยว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการตามแผนบริหารจัดการน้ำตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท โดยจะเริ่มให้เอกชนยื่นซองประมูลได้ภายใน ก.พ.-เม.ย.นี้ โดยยืนยันว่ามีแหล่งเงินกู้พร้อมและจะกู้เงินได้เต็มวงเงินตามกรอบกฎหมาย

กสทช.ยืมมือกรมบังคับคดีไล่บี้มือถือ
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช.จะทำหนังสือถึงกรมบังคับคดี เพื่อให้ดำเนินการบังคับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค และบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ให้ปฏิบัติตามคำสั่งของ กสทช.และชำระค่าปรับกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง กสทช.ในช่วงที่ผ่านมา ประกอบด้วยการห้ามกำหนดวันหมดบัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือ (พรีเพด) โดย กสทช.มีคำสั่งตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.55 แต่ดีแทคและเอไอเอสยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง โดยมีอัตราค่าปรับวันละ 100,000 บาท คิดเป็นเงินค่าปรับรวมจนถึงวันที่ 28 ม.ค.56 วงเงิน 71.6 ล้านบาท ส่วนทรูมูฟยินยอมทำตาม แต่ก็ยังมีค่าปรับที่ต้องชำระอยู่ 23.3 ล้านบาท

ชิงอำนาจ ส.อ.ท.หวิดวางมวย! "ธนิต" ได้กองหนุนภูธรลุย "พยุงศักดิ์" มันหยดติ๋ง

ศึกสายเลือด ส.อ.ท.เริ่มมีทางออก 2 ฝ่ายยอมตั้งกรรมการร่วมหาข้อยุติใน 10 วัน เผยบรรยากาศก่อนประชุมดุเดือดเลือดพล่านหวิดวางมวย หลังกองเชียร์ "ธนิต-พยุงศักดิ์" เปิดสงครามน้ำลายใส่กันมันหยด

พาราไดซ์พาร์คปรับแผนสู้ศึกค้าปลีก
น.ส.เหมินฝัน ธัญไพสิษฐ์ ผู้บริหารสายส่งเสริมการตลาด บริษัท พาราไดซ์ พาร์ค จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดของศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์คนับจากนี้ บริษัทจะวางตำแหน่งเป็น "โมเดิร์นแฟมิลี" เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นครอบครัวรุ่นใหม่ จากเดิมที่วางตำแหน่งเป็นสวรรค์แห่งการช็อปปิ้งที่หรูหราระดับไฮเอนด์ และใหญ่ที่สุดในย่านกรุงเทพฯ ตะวันออก โดยกลุ่มเป้าหมายหลักที่ต้องการเข้าไปเจาะ คือ วัยทำงานอายุระหว่าง 25-45 ปี กลุ่มเป้าหมายรอง คือ กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไป

ธุรกิจเช่าซื้อรถตีปี๊บยอดทะลักล้นแต่ยังผวาลูกค้ารถคันแรกทิ้งทุ่น!

นายอิสระ วงศ์รุ่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด ในฐานะประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์คันแรกมียอดจองทั้งสิ้นประมาณ 1.2 ล้านคัน ปัจจุบันค่ายรถยนต์ได้ส่งมอบให้ลูกค้าไปแล้ว 50% หรือประมาณ 600,000 คัน แบ่งเป็นรถประหยัดพลังงาน หรืออีโคคาร์ 40-50% โดยผู้ประกอบการธุรกิจเช่าซื้อทั้งหมดได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ของรถอีโคคาร์อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้รับเงินคืนจากมาตรการภาษีรถยนต์คันแรก เพราะเกรงว่าจะมีปัญหา เช่น ลูกค้าอาจไม่ยอมส่งค่างวดที่เหลือ หรือปล่อยให้เช่าซื้อยึดรถ แต่ปัจจุบันยังไม่เห็นสัญญาณของเอ็นพีแอลจากรถยนต์คันแรก

เคทีซีทุ่มพันล้านลุยบัตรเครดิต อัดแคมเปญรายเดือน-รายไตรมาส "ทุกที่ มีเซอร์ไพรส์"
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือเคทีซี เปิดเผยว่า เคทีซีได้ทุ่มงบการตลาด 1,000 ล้านบาท สร้างปรากฏการณ์ใหม่ของวงการบัตรเครดิตไทย ด้วยแผนการทำตลาดยาวจนถึงสิ้นปี ภายใต้คอนเซปต์ "Happy Go Lucky" มอบโชคดีให้สมาชิกตลอดปีเพื่อเน้นการกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตร "เมื่อเราใช้เงินทุ่มทำตลาด 1,000 ล้านบาท สิ่งที่เคทีซีจะได้รับยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%"

อิชิตันจัดทัพเข้าตลาดหลักทรัพย์ดันน้องใหม่สู้ศึกเครื่องดื่มสุขภาพ
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า หลังประสบความสำเร็จจากการทำตลาดเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่ม ภายใต้แบรนด์ "อิชิตัน" โดยปี 55 สามารถทำผลกำไรได้ถึง 300 ล้านบาท และปี 56 ตั้งเป้ามีผลกำไรทะลุ 700 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทเร่งรุกทำตลาดเต็มสูบ พร้อมเข็นสินค้าน้องใหม่ภายใต้แบรนด์ "เย็นเย็น" น้ำจับเลี้ยงผสมชาเขียวพร้อมดื่มเข้ามาทำตลาดเสริมทัพ เจาะกลุ่มนักศึกษา คนทำงานรุ่นใหม่ที่มีอายุระหว่าง 18-35 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่พร้อมเปิดรับสินค้าใหม่ๆ และค้นหาสินค้าเพื่อสุขภาพในไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น