General News
• ผลสำรวจผู้ลงทุนสถาบันซึ่งรวมถึงผู้จัดการกองทุนทั่วโลก 253 รายที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวม 681,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจัดทำในช่วง 7-13 ก.ย. โดย Bank of America ระบุว่า เป็นครั้งแรกในรอบกว่าปีที่ผู้ลงทุนสถาบันเชื่อว่าปัญหา Fiscal Cliff ของสหรัฐเป็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกมากกว่าปัญหาหนี้ภาครัฐในยุโรป และได้ลดสัดส่วนลงทุนในหุ้นสหรัฐติดต่อกันมา 3 เดือนแล้ว โดย 58% คิดว่าหุ้นสหรัฐมีราคาตลาดแพงเกินปัจจัยพื้นฐาน
นอกจากนี้ ผู้ที่ห่วงว่ายุโรปเสี่ยงมากที่สุดได้ลดลงจาก 48% ในเดือน ส.ค. เหลือ 33% ในเดือน ก.ย. โดย 42% ไม่คิดว่าจะกรีซจะออกจากกลุ่มยูโร
ทั้งนี้ มีจำนวนผู้ที่เชื่อว่าจีนจะดีขึ้นเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่การสำรวจในเดือน ต.ค. 2010 และมี 20% ที่คิดว่านโยบายการคลังโดยรวมของรัฐบาลต่างๆ ในโลกไม่ยืดหยุ่นและเข้มงวดเกินไป โดยมีจำนวนผู้เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกกำลังถดถอยมี 14% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับแต่การสำรวจในเดือน ธ.ค.ปีก่อน แต่ก็มี 68% ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงกลางค่อนไปทางปลายของการเติบโตเต็มที่ (Maturity)
• ลุค เคอเน ประธานธนาคารกลางเบลเยียมและ (1 ใน 23 กรรมการบริหารของ ECB) เปิดเผยว่า ECB อาจลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกและอาจขยายมาตรการอัดฉีดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะยาว (LTRO) โดยต้นทุนการกู้ยืมของสเปนจะพุ่งขึ้นอีกครั้งหากไม่มีมาตรการสนับสนุน
• สัดส่วนหนี้เสียของธนาคารสเปนเพิ่มขึ้นจาก 9.4% ของพอร์ตสินเชื่อรวมในเดือน มิ.ย. เป็น 9.9% ในเดือน ก.ค. ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหนี้ค้างชำระเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ฟองสบู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์แตกเมื่อ 4 ปีก่อน
ทั้งนี้ สเปนกำลังประสบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2009 และชาวสเปน 1 ใน 4 กำลังตกงาน
• ยอดขายรถยนต์ในยุโรปเดือน ส.ค. ลดลง 8.5% (ลดลง 11 เดือนติดต่อกัน) โดยที่ลดลงมากสุดได้แก่ ฟอร์ด จีเอ็ม และ เฟียต ส่วนยอดขายรวม 8 เดือนแรกปีนี้ลดลง 6.6% สู่ 8.59 ล้านคัน
• ก.พาณิชย์สหรัฐ รายงานว่า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดประจำไตรมาส 2 ปีนี้ลดลงสู่ 1.174 แสนล้านดอลลาร์ เทียบเท่ากับ 3% ของ GDP ในขณะที่ไตรมาสแรกขาดดุล 1.336 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 3.5% ของ GDP เนื่องจากนำเข้าลดลง 0.5% แต่ส่งออกเพิ่มขึ้น 1.4%
• สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐ รายงานว่า ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นเป็น 40 จาก 37 ในเดือน ส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี
อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่ยังต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่ากลุ่มผู้สร้างบ้านยังมีมุมมองต่อตลาดในเชิงลบมากกว่าในเชิงบวก และตั้งแต่เดือน เม.ย.2549 ดัชนียังไม่เคยปรับตัวเหนือระดับ 50 เลย
• FED สาขานิวยอร์ค รานยงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ลดลงเป็น -10.41 ในเดือน ก.ย. จาก -5.85 ในเดือน ส.ค. โดยเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ เม.ย. 2009
นอกจากนี้ ดัชนีคำสั่งซื้อในภาคโรงงานของรัฐนิวยอร์ค ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มในอนาคตก็ดิ่งลงจาก -5.50 ในเดือน ส.ค. สู่ -14.03 ในเดือน ก.ย.อีกด้วย ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2010
• สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีน เปิดเผยว่า ราคาบ้านของจีนในเดือน ส.ค.เพิ่มขึ้น 0.1% จากเดือนก่อนหน้า เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวขึ้นบ้างในตลาดอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ราคาบ้านร่วงลง 1.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยลดลง 6 เดือนติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลจากการคุมเข้มนโยบายด้านอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา
• นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ระบุว่า ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอีก 30 วัน เนื่องจากยังมีฝนตกหนักจนทำให้เกิดปัญหาในบางพื้นที่ โดยการระบายน้ำยังอยู่ในระดับปกติ ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก.มหาดไทย รายงานว่า ปัจจุบันมีพื้นที่ประสบอุทกภัยในภาคเหนือและภาคกลาง 11 จังหวัด และประชาชนเดือดร้อน 1.42 แสนคน
• ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กทม. เปิดเผยว่า แม้ระดับน้ำในเจ้าพระยาจะสูงกว่า 1 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ก็ยังไม่ถึงจุดวิกฤต และยังไม่พบปัญหาแต่อย่างใด ทั้งนี้ ต้องติดตามสถานการณ์ในวันที่ 21 ก.ย. เนื่องจากคาดว่าปริมาณน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น
Equity Market
• SET Index ปิดที่ 1,272.86 จุด ลดลง 5.68 จุด หรือ -0.44% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28,569.89 ล้านบาท โดยปรับตัวลดลงคล้ายกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียหลังจากตลาดตอบรับมาตรการ QE3 ไปแล้ว และตลาดยังกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนกับเรื่องที่จีนและญี่ปุ่นมีปัญหาขัดแย้งเรื่องสิทธิการครอบครองเกาะแห่งหนึ่ง
• ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า ยังไม่พบกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายจากต่างประเทศไหลเข้าไทยอย่างผิดปกติทั้งในตลาดหลักทรัพย์และตลาดพันธบัตร หลังจาก FED ประกาศจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE3)
• ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เดินหน้ารุกตลาดผู้ลงทุนจีน โดยร่วมกับ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จัดงาน “Thailand Corporate Day” เป็นครั้งแรกที่เซี่ยงไฮ้ โดยนำ 4 บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ ได้แก่ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF), บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN), บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ บมจ. ปตท. (PTT)
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงระหว่าง 0.00% ถึง 0.02% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 7 ปี มูลค่า 15,000 ล้านบาท และอายุ 20 ปี มูลค่า 6,000 ล้านบาท
Gold Corner
• Tom Fitzpatrick นักวิเคราะห์จาก CitiGroup มีมุมมองที่เป็นบวกอย่างมากต่อราคาทองคำ โดยระบุในหนังสือถึงผู้ลงทุนล่าสุดว่า ราคาทองคำจะขึ้นไปถึงระดับ $2500/oz ภายใน 6 เดือน และราคาในอนาคตที่ $6300/oz ก็เป็นไปได้ โดยการขึ้นของราคาทองคำจะทำให้ผู้ลงทุนหันไปหาแร่เงินซึ่งมีอัตราส่วนห่างจากราคาทองคำในปัจจุบันที่ถ่างกว้างมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น