หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 25/9/55

 นายมาริโอ มอนติ นายกรัฐมนตรีอิตาลีกล่าวว่า ปัญหาของอิตาลีจะไม่ส่งผลคุกคามต่อเสถียรภาพของยูโรโซนอีกต่อไป เนื่องจากการปฏิรูปมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา และปี 2555 นี้จะเป็น "ปีแห่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ" สำหรับอิตาลี อย่างไรก็ตาม นายมอนติกล่าวว่า การที่จะแก้ไขวิกฤตหนี้ได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกระตุ้นประสิทธิภาพด้านการผลิตและความสามารถด้านการแข่งขัน ซึ่งขณะนี้ยังคงไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

- สื่อของเยอรมนีรายงานว่า รัฐบาลของประเทศสมาชิกยูโรโซนวางแผนที่จะเพิ่มเงินทุนของกองทุนรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) สู่ระดับ 2 ล้านล้านยูโร เพื่อช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่ประสบปัญหา โดยในปัจจุบัน ESM มีวงเงินอยู่ที่ 5 แสนล้านยูโร โดยแผนการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากรมว.คลังเยอรมนี อย่างไรก็ตาม มีบางประเทศได้แสดงท่าทีคัดค้าน เช่นรัฐบาลฟินแลนด์มีความวิตกว่าแผนดังกล่าวจะเป็นการละเมิดสนธิสัญญาของ ESM จึงควรได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาของประเทศก่อน

- สถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีในเดือนก.ย.อยู่ที่ 101.4 จุด ลดลงจาก 102.3 จุดในเดือนส.ค. เป็นการปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ทางด้านดัชนีการคาดการณ์แนวโน้มทางธุรกิจของเดือนก.ย.อยู่ที่ 93.2 จุด ลดลงจากระดับ 94.2 จุดในเดือนก่อนหน้า ข้อมูลความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีที่อ่อนแอลงในเดือนก.ย.เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีมีแนวโน้มที่จะตกอยู่ในภาวะย่ำแย่ต่อไปในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้

- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอิตาลี (Istat) เปิดเผยว่า อิตาลีขาดดุลการค้ากับประเทศนอกกลุ่มอียู เป็นมูลค่า 973 ล้านยูโรในเดือนส.ค.หลังจากที่เกินดุลการค้า 1.836 พันล้านยูโรในเดือนก.ค. แต่ตัวเลขดุลการค้าของอิตาลีนับว่าปรับตัวดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับการขาดดุล 2.51 แสนล้านยูโรในเดือนส.ค.ปีที่แล้ว

- แอปเปิล อิงค์ สามารถขาย iPhone 5 ได้มากกว่า 5 ล้านเครื่องภายในการเปิดขาย 3 วันแรก ทำลายสถิติยอดขาย จำนวน 4 ล้านเครื่องของiPhone 4S ในช่วงเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยแอปเปิลได้เริ่มวางจำหน่าย iPhone 5 ในสหรัฐ เยอรมนี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และจะจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ได้ประเมินว่า ยอดขาย iPhone 5 น่าจะสูงถึง 6.5 ล้านเครื่อง ถ้าหากมีสินค้าพร้อมจำหน่ายมากกว่านี้

- รัฐมนตรีคลังอินโดนีเซียกล่าวว่า รัฐบาลอินโดนีเซียจะเผชิญกับความยากลำบากในการเพิ่มรายได้จากการจัดเก็บภาษีตามเป้าที่ 13.5% ของจีดีพี เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณการส่งออกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลง ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการด้านการเงินของสภาผู้แทนราษฎรอินโดนีเซีย ได้มีมติที่จะกำหนดสัดส่วนรายได้จากภาษีสำหรับปี 56 ไว้ในช่วง 12.75-13.5% ของจีดีพี

- ศูนย์ศึกษาว่าด้วยจีนในเศรษฐกิจโลก (CCWE) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวน้อยลงในช่วงไตรมาส 4 หลังจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการต่างๆในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ 7.8% ตลอดทั้งปี 55 หลังจากที่ขยายตัว 7.7% ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี โดยคาดว่าการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากรัฐบาลอนุมัติโครงการสาธารณูปโภคเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ เป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านหยวนในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ CCWE คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวประมาณ 8% ในปี 2556

- สมาคมอุตสาหกรรมถ่านหินจีนเปิดเผยยอดสต็อกถ่านหินของจีน ณ สิ้นเดือนส.ค.ลดลงเล็กน้อยหลังจากที่พุ่งสูงในเดือนมิ.ย. โดยยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของหลายปีก่อน และภาคอุตสาหกรรมถ่านหินของจีนกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการลดปริมาณสต็อก ส่วนปริมาณการส่งมอบถ่านหินโดยทางรถไฟของจีนยังปรับตัวลงต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.55 โดยปริมาณการขนส่งถ่านหินโดยทางรถไฟในเดือนส.ค.ลดลง 11.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงแนวโน้มความต้องการถ่านหินจากจีนที่กำลังซบเซา

- นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าธปท.กล่าวว่า ว่า ตลาดได้มีการ price in การใช้มาตรการ QE3 ของธนาคารกลางสหรัฐฯล่วงหน้าไปแล้ว จึงส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเพียง 1-2% ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องหรือไม่ เนื่องจากเฟดไม่ได้มีการประกาศระยะเวลาสิ้นสุดการใช้มาตรการที่ชัดเจน นอกจากนี้ นายประสารมองว่า ถ้ามีการลดดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้อาจเป็นการส่งสัญญาณที่ผิด เนื่องจากขณะนี้สินเชื่อในระบบสถาบันการเงินยังขยายตัวสูงตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง การลดดอกเบี้ยนโยบายอาจไม่ได้ส่งผ่านนโยบายได้ดีเท่าที่ควร และยังไม่ได้สร้างผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ

- SET Index ปิดที่ 1,284.30 จุด ลดลง 1.96 จุด หรือ 0.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 34,651 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 271 ล้านบาท โดยดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงเล็กน้อยเช่นเดียวกับตลาดหุ้นประเทศเพื่อนบ้าน โดยหุ้นที่ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงได้แก่ หุ้นในกลุ่มพลังงาน ซึ่งปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันที่ถูกการขายทำกำไรหลังการประกาศใช้ QE3 ส่วนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเป็นกลุ่มธุรกิจที่อิงกับความต้องการในประเทศเช่น กลุ่มธนาคารและกลุ่มพาณิชย์

Fixed Income Market

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในในช่วงระหว่าง 0.00% ถึง 0.01% ในวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธปท. รุ่นอายุ 1 เดือน 3 เดือน และ 6 เดือน มูลค่ารวม 75,000 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น