หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 20/9/55

General News


• กรีซ มีแผนขายอาคารที่พักทูตในยุโรปตามแผนการขายสินทรัพย์ของรัฐตามเงื่อนไขการรับความช่วยเหลือทางการเงินจาก EU และ IMF และอาจขายหรือให้เช่าพระราชวงศ์เก่าใกล้กรุงเอเธนส์ ภายใต้แผนขายสินทรัพย์ให้ได้ 50 พันล้านยูโร (64 พันล้านดอลลาร์) ภายในปี 2020

• รัฐบาลสเปนเจอแรงกดดันให้ขอความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศมากขึ้น หลังจากนักลงทุนเทขายพันธบัตรรัฐบาลสเปนประเภทอายุ 10 ปีออกมา ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรดังกล่าวทะยานขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 6% เนื่องจากนักลงทุนมองว่าสเปนจะสามารถชำระหนี้ของตัวเองได้ก็ต่อเมื่อ ธ.กลางยุโรป (ECB) เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสเปน

• รัฐบาลฝรั่งเศสวางแผนจะปิดสถานทูตฝรั่งเศส 20 แห่งเป็นการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากแมกกาซีน Charlie Hebdo ของฝรั่งเศสได้ลงการ์ตูนหน้าปกที่ลบหลู่พระศาสดาโมฮัมหมัด

• ธ.กลางอังกฤษ (BOE) คงวงเงินซื้อหลักทรัพย์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ระดับ 375 พันล้านปอนด์ (610 พันล้านดอลลาร์) และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% หลังเชื่อมั่นว่ายังไม่จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แม้ว่ายังมีความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้ยุโรปที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอังกฤษไปอีกระยะหนึ่ง และหากยืดเยื้อออกไปผลกระทบอาจเกิดกับเสถียรภาพระบบสถาบันการเงินโลกทั้งระบบ 

• วิลเลี่ยม ซี ดัดเลย์ ประธาน FED นิวยอร์ก กล่าวว่า การประกาศใช้มาตรการ QE3 เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอมากกว่าที่คาด และหากไม่มีมาตรการดังกล่าวเศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวในระดับต่ำในช่วงปลายปีข้างหน้า ซึ่งจะยิ่งทำให้เกิดอุปทานส่วนเกินสูงอย่างเนื่อง และทำให้อัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 8%

• มูดี้ส์ ชี้ว่า มีความเป็นไปได้ 15% ที่สหรัฐจะเผชิญภาวะหน้าผาทางการคลัง หรือ Fiscal Cliff พร้อมกับเตือนว่าสถาบันการเงินต่างๆ ต้องดำเนินงานในเชิงรุกเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงในช่วงที่มีความไม่แน่นอน

• ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐเดือน ส.ค.พุ่งขึ้น 7.8% สู่ระดับ 4.82 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 2 ปี และเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนราคากลางของบ้านมือสองปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.5% จากปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวแล้ว

• ผลสำรวจรอยเตอร์ บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของบริษัทชั้นนำในเอเชียร่วงลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ทั่วโลกกำลังส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ส่งออกของเอเชีย โดยภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ เทคโนโลยีและเดินเรือเป็นกลุ่มที่มีความเชื่อมั่นน้อยที่สุด ส่วนภาคธุรกิจซึ่งเกี่ยวข้องกับการขยายตัวภายในประเทศมีความเชื่อมั่นมากขึ้น 

นอกจากนี้ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ได้คะแนนสูงสุดในการสำรวจ ในทางตรงกันข้าม จีนมีระดับความเชื่อมั่นอ่อนแอที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มการสำรวจในปี 2009 

• ธ.กลางญี่ปุ่น (BOJ) เพิ่มวงเงินซื้อหลักทรัพย์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็น 55 ล้านล้านเยน (697 พันล้านดอลลาร์) จากเดิม 45 ล้านล้านเยน พร้อมคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0%-0.1% ซึ่งผิดไปจากที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่า BOJ จะคงวงเงินมาตรการดังกล่าว

• Fred Smith CEO ของ FedEx (เป็นบริษัทขนส่ง ที่กำไรของบริษัทถูกจัดให้เป็นดัชนีหนึ่งที่ใช้ชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ) ระบุว่า นโยบายต่างๆ ของยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน กำลังทำให้การส่งออกและการค้าทั่วโลกหดตัวลงในอัตราที่เร็วกว่า GDP 

และสำหรับจีนนั้น สิ่งที่ผลักดันให้ขยายตัวเติบโตได้เร็วคือการส่งออก ดังนั้น เมื่อตลาดใหญ่ที่ซื้อสินค้าจากจีนอย่างยุโรปและสหรัฐชะลอตัวลงหรือหดตัว จีนก็จะกระทบมากจนให้การบริโภคภาคเอกชนของจีนในวันนี้ไม่ขยายตัวได้มากเท่าที่คนส่วนใหญ่คาดหวัง จึงเชื่อว่าคนกำลังประเมินผลกระทบเรื่องนี้ที่จะมีต่อเศรษฐกิจจีนโดยรวมไว้ต่ำเกินไป

• สงครามค่าเงิน (Currency War เป็นศัพท์ที่ Guido Mantega รัฐมนตรีคลังบราซิล เริ่มใช้เมื่อเดือน ก.ย. 2010 ซึ่งหมายถึงการที่ประเทศต่างๆ พยายามทำให้ค่าเงินของตนอ่อนลงเพื่อทำให้สินค้าส่งออกมีราคาถูกกว่าประเทศอื่น) กำลังจะเกิดขึ้นอีกในไม่ช้านี้ เมื่อธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินด้วยการรับซื้อสินทรัพย์อีกครั้ง (QE) เป็นการเสริมนโยบายเดียวกันกับที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เพิ่งประกาศใช้ ในขณะที่การค้าทั่วโลกกำลังชะลอตัวลงอย่างที่ FedEx รายงาน

• การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในจีนเดือนสิงหาคมลดลง 1.4% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 8.33 พันล้านดอลลาร์ และมูลค่าในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ ลดลง 3.4% มาอยู่ที่ 75 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่เศรษฐกิจจีนจะชะลอลงมากที่สุดในรอบ 22 ปี

• 'ออง ซาน ซู จี' แสดงความยินดีที่สหรัฐฯยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ พร้อมเรียกร้องว่าอย่าละเลยประเด็นปัญหาต่างๆ ที่ยังคงมีอยู่ในพม่า รวมถึงการพัฒนาหลักนิติรัฐ หรือ การปกครองโดยถือกฎหมายเป็นใหญ่ มิได้ปกครองถืออำนาจรัฐเป็นใหญ่ เป็นต้น

• จีนเรียกร้องให้ญี่ปุ่นรับผิดชอบผลกระทบทางการค้า จากความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศหลังจากเกิดความตึงเครียดขึ้นเกี่ยวกับหมู่เกาะที่เป็นข้อพิพาท

• The Telegraph รายงานข่าวว่า ฝูงชนชาวจีนประมาณ 50 คนโจมตีอาคารและรถทูตที่จอดอยู่นอกอาคารสถานทูตสหรัฐในปักกิ่ง จน รปภ.ต้องคุ้มกันทูตอเมริกันหนีออกไปได้โดยไม่ได้รับอันตราย โดยมีสาเหตุปะปนกันระหว่างความโกรธแค้นที่เชื่อว่าอเมริกันหนุนญี่ปุ่นให้ซื้อเกาะเตียวหยู กับเรื่องที่เชื่อว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่จีนถืออยู่จำนวนมากนั้นไม่มีค่าเหลืออยู่ 

• ซัมซุง อิเล็คทรอนิคส์ ผู้ผลิตชิพความจำอันดับ 1 ของโลก เตรียมลดการลงทุนด้านโรงงานในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ลงครึ่งหนึ่งในปีหน้า หลังจากวางแผนลดค่าใช้จ่ายที่เป็นทุน และปรับลดการลงทุนในส่วนโรงงานลง 50% ในปี 2556

• ส.อ.ท. คาดว่ายอดการผลิตยานยนต์ปีนี้จะอยู่ที่ 2.2 ล้านคัน และรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 2.5 ล้านคัน โดยอุตสาหกรรมยานยนต์จะยังเติบโตต่อเนื่องแม้ว่าตลาดในประเทศมีกำลังซื้อจากปีหน้าบางส่วนที่ถูกดึงมาในปีนี้ 

ทั้งนี้ การส่งออกยานยนต์จะยังเป็นตัวสำคัญที่ช่วยพยุงการส่งออกของไทยไว้ โดยตั้งแต่เดือน ม.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมามียอดส่งออกของสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนเติบโตขึ้น 21.21% ซึ่งคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าไทยจะมียอดผลิตรถยนต์อยู่ที่ 3 ล้านคัน/ปี และก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์มากที่สุดติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก

• ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ลงมาอยู่ที่ระดับ 98.5 ซึ่งเป็นผลจากยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ปริมาณการผลิตและผลประกอบการที่ลดลง สะท้อนว่าผู้ประกอบการไม่มั่นใจต่อการประกอบการซึ่งสอดคล้องกับหลายหน่วยงานที่ได้ปรับเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงจากประมาณการเดิมในช่วงต้นปี 


Equity Market 


• SET Index ปิดที่ 1,285.46 จุด เพิ่มขึ้น 12.60 จุด หรือ 0.99% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 31,319 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 633.54 ล้านบาท ทั้งนี้ ทิศทางตลาดหุ้นไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดในภูมิภาค หลังธ.กลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0-0.1% และตัดสินใจเพิ่มจำนวนเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์ไว้ที่ 80 ล้านล้านเยน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 

• Jim Chanos ผู้ก่อตั้งและประธาน Kynikos Associates Ltd. ที่บริหารเงินลงทุน 6 พันล้านดอลลาร์ (ผู้มีชื่อเสียงมากจากการ Short หุ้น ENRON ก่อนที่ ENRON จะล้มละลาย) กล่าวว่า เขาค้นพบหุ้นของบริษัทที่คาดว่าจะมีราคาตลาดลดต่ำลงในอนาคต ซึ่งจะถูกมากเมื่อเทียบกับกำไรที่จะทำได้แม้เศรษฐกิจสหรัฐจะดีกว่าที่อื่นๆ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ ผู้ผลิตเหล็ก Hewlett-Packard และ Coinstar เป็นต้น โดยจะขาย Short และรอซื้อกลับคืนในราคาที่ถูกกว่าในอนาคตเพื่อทำกำไร


Fixed Income Market


• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงในช่วงระหว่าง -0.02% ถึง 0.00% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยอายุ 3 ปี วงเงินรวม 35,000 ล้านบาท 

• กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า หลังสหรัฐฯดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังแข็งค่าน้อยกว่าสกุลอื่นในภูมิภาค และเชื่อว่า ธปท. ยังสามารถดูแลเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ 

นอกจากนี้ การเกินดุลการค้าและการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ลดลงของไทยยังเป็นปัจจัยที่ช่วยลดแรงกดดันการแข็งค่าของเงินบาทด้วย ซึ่งภาครัฐก็พยายามส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในภาคเศรษฐกิจจริงมากขึ้น โดยเฉพาะการนำเข้าเครื่องมือเครื่องจักรและวัตถุดิบ 

Gold Corner 


• Frank Holmes ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและหัวหน้าทีมผู้จัดการกองทุนของ U.S. Global Investors ระบุว่า ทุกสัญญาณในขณะนี้บ่งชี้ให้ซื้อหุ้นเหมืองทองคำและซื้อทองคำเพื่อปกป้องกำลังซื้อ โดย Morgan Stanley สำรวจแนวคิดการลงทุนในทองคำของผู้ลงทุนสถาบัน 140 แห่งในสหรัฐได้คำตอบที่หนักแน่นที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.ปีที่แล้ว กับมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเดือนต่อเดือนสูงที่สุดในรอบ 3 ปีว่า “ทองคำกำลังเข้าสู่ตลาดกระทิง” นอกจากนี้ Credit Suisse ยังระบุว่ามีคนเข้าซื้อ Gold ETF จำนวนมากในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมานี้ด้วย


Guru Corner 


• Milton Friedman นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลปี ค.ศ.1976 ผู้เชื่อมั่นในระบบทุนนิยมเสรี และไม่ไว้ใจให้รัฐบาลหรือธนาคารกลางเข้ามาแทรกแซงเศรษฐกิจมหภาค เคยกล่าวไว้ว่า “มีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่สามารถนำหมึกคุณภาพเยี่ยมไปพิมพ์บนกระดาษดีๆ แล้วทำให้สิ่งดีๆ ทั้งสองอย่างนี้เมื่อมารวมกันแล้วหมดค่าไป”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น