- ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ของและการปล่อยกู้ของอิตาลีลดลงในไตรมาสแรกของปีนี้ ต่อเนื่องมาจากไตรมาส 4 ปีก่อน โดยยอดขายที่อยู่อาศัยหดตัวลง 17.2% ขณะที่ยอดขายอสังหาริมทรัพย์เชิงธุรกิจลดลง 11.8% ส่วนการปล่อยเงินกู้ลดลง 49.6% จากไตรมาสแรกปี 2554
- ยอดค้าปลีกของอิตาลีเดือน ก.ค.ลดลง 0.2% ถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ท
ี่ระดับ 3.2% เนื่องจากผู้บริโภคลดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยรวมถึงเศรษฐกิจหดตัวต่อเนื่องจากการบริโภคในประเทศที่ตกต่ำ ท่ามกลางอัตราว่างงานสูง
- วานนี้สหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดในกรีซ 2 แห่ง ประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลอย่างหนัก อันเป็นการประท้วงด้วยคนเต็มท้องถนนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กรีซได้รัฐบาลใหม่
- ผู้ประท้วงในสเปนจำนวนมหาศาลได้กลับไปประท้วงบนท้องถนนอีกเป็นวันที่สองด้วยความไม่พอใจในเรื่องเดียวกับกรีซ นอกจากนี้ สเปนยังมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการที่ Catalonia อันเป็นแคว้นที่ร่ำรวยมากที่สุดในสเปนที่กำลังรู้สึกว่าจ่ายภาษีให้รัฐบาลมามากเกินพอแล้ว ได้เรียกร้องให้มีการกระจายอำนาจและต้องการมีอำนาจจัดการรายได้ของตนเองมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การแยกตัวออกจากสเปนแล้วออกไปตั้งประเทศใหม่
- ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลสเปนและรัฐบาลท้องถิ่น Catalonia ได้ส่งผลให้เกิดความยากลำบากในการโน้มน้าวชาวสเปนให้ยอมรับมาตรการรัดเข็มขัดและอาจนำไปสู่วิกฤตทางรัฐธรรมนูญ โดยธนาคารกลางสเปนเตือนว่า เศรษฐกิจสเปนกำลังอยู่ในภาวะถดถอยรุนแรงแล้ว
- อัตราว่างงานของโปแลนด์เดือน ส.ค.เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 12.4% จาก 12.3% ในเดือน ก.ค.โดยเพิ่มขึ้น 109,000 คน แสดงเศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้น ทั้งนี้ โปแลนด์เป็นประเทศเดียวในอียูที่รอดพ้นจากภาวะถดถอยในช่วงปี 2009-2010
- ยอดขายบ้านใหม่เดือน ส.ค.ของสหรัฐลดลง 0.3% ไปอยู่ที่ 373,000 หลัง เทียบกับเดือนก.ค. ที่เป็น 374,000 หลัง บ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวหลังจากที่ทรุดหนักตั้งแต่ปี 2549 โดยสต๊อกบ้านใหม่ในตลาดเดือน ส.ค. อยู่ใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว
- นักเศรษฐศาสตร์เกาหลีใต้แนะนำให้เกาหลีใต้กำกับดูแลกระแสเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการกู้ยืมในภาคธนาคารและการลงทุนในพันธบัตร เนื่องจากเป็นเงินทุนที่ไม่มีเสถียรภาพ โดยช่วงนี้ตลาดโลกมีสภาพคล่องสูงเกินไป และเงินทุนที่ไหลเข้าไปยังตลาดเกิดใหม่จะเพิ่มขึ้นในรูปของการกู้ยืมและการลงทุนในพันธบัตร
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ในเดือน ส.ค.ลดลง 2.3% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1% โดยอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคและขนส่ง ลดลง 7.3% และ 20.1%
- ฟิลิปปินส์กลับมามียอดเกินดุลการค้าในเดือน ส.ค.หลังขาดดุลติดต่อกัน 3 เดือน โดยการฟื้นตัวดังกล่าวเปิดโอกาสให้รัฐบาลใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีและช่วยลดผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ตัวเลขขาดดุลระหว่างเดือน ม.ค.-ส.ค. มียอดรวม 71,208 ล้านเปโซ คิดเป็น 1 ใน 4 ของเป้าหมายการขาดดุลตลอดปี และมีสัดส่วนเท่ากับ 2.6% ของจีดีพี
- ธปท.เตรียมลดเป้าหมายการส่งออกปีนี้ จากเดิมตั้งเป้าเติบโตที่ 7% เนื่องจากรายงานยอดการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์เดือน ส.ค.ติดลบ 6.9% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำนอกจากนี้ การส่งออกที่ชะลอตัวลงอาจกระทบต่อการลงทุนและการบริโภคในประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย(GDP) ด้วย
- ตลาดหุ้นย่านเอเชียปิดตลาดในแดนลบ โดยดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่น -2.03% ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ในขณะที่ตลาดยุโรปติดลบเช่นกัน
- SET Index ปิดที่ 1,274.50 จุด ลดลง 12.91 จุด หรือ 1.00% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 54,125.58 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 6,086.42 ล้านบาท โดยดัชนีปรับตัวลดลงตามตลาดต่างประเทศท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจในที่ชะลอตัวและความไม่แน่นอนภายในประเทศ ทำให้ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลาดทั้งวัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น