หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 11/3/56

General News
-----------------


• วาติกัน กำหนดให้วันที่ 12 มีนาคม เป็นวันประชุมคัดเลือกพระสันตะปาปาองค์ที่ 266 โดยบรรดาพระคาร์ดินัลที่มีสิทธิเลือกพระสันตะปาปาจะเข้าพักที่ โดมุส ซานตา มาร์ตา และจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเพื่อการรักษาความลับและการแทรกแซง ซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกจะต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของพระคาร์ดินัลที่ประชุมคัดเลือกทั้งหมด

เมื่อได้พระสันตะปาปาแล้ว กระดาษที่พระคาร์ดินัลเขียนลงคะแนนคัดเลือกจะถูกเย็บรวมกันด้วยด้ายแล้วใส่น้ำยาเคมีลงไปเพื่อให้ควันที่เกิดจากการเผาออกมาเป็นสีที่ต้องการ คือ สีดำ หรือสีขาว หากเป็นสีขาวแสดงว่ามีพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่แล้ว

ทั้งนี้ การลงมติคัดเลือกนี้จะใช้เวลาไม่เกิน 5 วัน

• ส.สถิติแห่งชาติของสเปน เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 5.0% ในเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกัน (ขยายตัวครั้งสุดท้ายในเดือน มี.ค. 2554 และหดตัวลงสลับกับทรงตัวทุกเดือนนับตั้งแต่นั้นมา)

• ก.เศรษฐกิจเยอรมนี รายงานว่า ผลผลิตรวมของภาคอุตสาหกรรมเดือน ม.ค.ไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากเพิ่ม 0.6% ในเดือน ธ.ค. แสดงว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังเปราะบาง

• ก.แรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 236,000 ตำแหน่ง ในเดือน ก.พ. และอัตราว่างงานได้ลดลงสู่ 7.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สิ้นปี 2551 แสดงว่าตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

• บารัก โอบามา เรียกร้องสภาคองเกรสให้ยุติความกดดันให้รัฐบาลลดการใช้จ่าย หลังจากที่การลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางสหรัฐมีผลบังคับใช้ (Sequestration)

ทั้งนี้ แม้ว่าอัตราว่างงานของสหรัฐได้ปรับตัวลง 0.2% มาอยู่ที่ 7.7% โดยที่ภาคธุรกิจได้สร้างงานทุกเดือนมาเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน คิดเป็นตำแหน่งงานใหม่เกือบ 6.4 ล้านตำแหน่ง ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตก็ได้งานเข้ามาผลิต มีการสร้างงานบ้านใหม่เพิ่มขึ้น อัตราการขายบ้านก็เป็นไปในจังหวะที่เร็วขึ้นกว่าเดิม และตลาดหุ้นก็ดีดตัวขึ้น แต่หน่วยงานรัฐบาลกลับต้องลดพนักงานลง 10,000 ตำแหน่งในเดือน ก.พ. เนื่องจากแผนการลดการใช้จ่ายของรัฐบาล

จึงจำเป็นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและการสร้างงานให้ดีขึ้นต่อเนื่อง

• นักวิเคราะห์ 6 ใน 11 คน ของ Wall Street มองว่า FED จะยังคงอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้

ขณะที่ 11 ใน 17 คนคาดว่า QE3 จะยังคงอยู่ไปจนถึงปี 2557 เนื่องจากตัวเลขจ้างงานที่ดีขึ้นเพียงเดือนเดียวไม่อาจสรุปได้ว่าสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวแข็งแกร่งแล้ว และตลาดแรงงานเดือน มี.ค. จะมีแนวโน้มซบเซา เพราะผลจากมาตรการตัดลดงบประมาณภาครัฐอัตโนมัติ (Sequestration) มูลค่า 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐที่มีผลตั้งแต่ 1 มี.ค. อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.5% และมีคนว่างงานเพิ่ม 7.5 แสนตำแหน่ง

• บารัก โอบามา เรียกร้องให้สภาคองเกรสเห็นชอบการผ่อนปรนกฎหมายควบคุมการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งถูกบังคับใช้มาตั้งแต่ช่วงสงครามเย็นให้เสรีมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้เอกชนสหรัฐส่งออกอาวุธไปยังประเทศที่มีความร่วมมือทางการค้า โดยหวังสร้างรายได้ให้รัฐและช่วยกระตุ้นการจ้างงาน

• สภาเลือกตั้งแห่งชาติของเวเนซูเอล่าประกาศจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 14 เม.ย.ภายหลังการอสัญกรรมของ ฮิวโก้ ชาเวซ

• ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ณ สิ้นเดือน กพ.2556 จาก ส.สถิติแห่งชาติของจีน

- ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเป็น 3.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี สูงสุดในรอบ 10 เดือน และ-ขยายตัว 1.1% จากเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 13 เดือน สาเหตุหลักมาจากราคาอาหารที่สูงขึ้นในช่วงตรุษจีน

- ผลผลิตอุตสาหกรรมมูลค่าเพิ่มเดือน ม.ค.-ก.พ. ขยายตัว 9.9% เมื่อเทียบรายปี ลดลง 1.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 10.5%

- ยอดค้าปลีกขยายตัว 12.3% เมื่อเทียบรายปีในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. แตะระดับ 3.78 ล้านล้านหยวน ชะลอตัวลงจากเดือน ธ.ค. ที่ขยายตัว 15.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 15.0%

- การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ขยายตัว 22.8% เมื่อเทียบรายปีในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. แตะที่ 6.67 แสนล้านหยวน

- การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรขยายตัว 21.2% เมื่อเทียบรายปีในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ชะลอตัวลง 0.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

• ส.ศุลกากรของจีน เปิดเผยว่า การส่งออกเพิ่มขึ้น 21.8% ต่อปีในเดือน ก.พ. ในขณะที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 10.1% ส่วนการนำเข้าลดลง 15.2% ลดลงมากที่สุดใน 13 เดือน โดยตลาดคาดว่าจะลดลง 8.8% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้า 1.53 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน ก.พ.

• การท่าอากาศยานญี่ปุ่นจะขยายท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะให้รองรับเที่ยวบินเพิ่มจากเดิม 250,000 เป็น 270,000 เที่ยวบินต่อปี และจะลดค่าธรรมเนียมในการลงจอดอีก 50% ไป 3 ปี ตั้งแต่เดือน เม.ย นี้ เพื่อแข่งขันกับประเทศคู่แข่งสำคัญในเอเชีย

• โตเกียว โชโก รีเสิร์ช เปิดเผยว่า จำนวนบริษัทล้มละลายในญี่ปุ่นเดือน ก.พ.ลดลง 11.8% จากปีก่อน เหลือ 916 แห่ง ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2537 เนื่องจากผลของมาตรการรัฐบาลที่ช่วยเหลือบริษัทขนาดเล็กที่ประสบปัญหาทางการเงิน

• ออง ซาน ซูจี ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านพม่าอีกครั้ง โดยจะทำหน้าที่ดูแลพรรคกับการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาที่จะจัดขึ้นในปี 2558

• Fitch Ratings เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย สะท้อนถึงปัจจัยเศรษฐกิจของไทยที่มีความยืดหยุ่นจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นติดต่อกัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้

- เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของรัฐบาลไทย จาก BBB เป็น BBB+ โดยมุมมองที่มีเสถียรภาพ

- ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินบาทของรัฐบาลที่ A- โดยมุมมองที่มีเสถียรภาพ

- เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะสั้นสกุลเงิน ตปท.ของรัฐบาลจาก F3 เป็น F2

- เพิ่มระดับเพดานอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ จาก BBB+ เป็น A-

• สบน. ระบุว่า พร้อมจะระดมทุน 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของไทย (พัฒนาระบบราง 80% ระบบถนน 10% ส่วนที่เหลือเป็นการพัฒนาทางน้ำ) โดยจะคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง ขณะที่ภาคธุรกิจเห็นควรสนับสนุน แต่ห่วงเรื่องอคร์รัปชั่น

ส่วนนักวิชาการห่วงว่าการลงทุนครั้งนี้จะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะเกินระดับ 60% ของ GDP ซึ่งเป็นเพดานที่เสี่ยงจะทำให้ประเทศเกิดปัญหาในอนาคต

• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า โครงสร้างพื้นฐานของการขนส่งทางอากาศของไทยมีความเข้มแข็งมากติดอันดับที่ 28 ของโลก และตั้งเป้าหมายจะพัฒนาระบบการขนส่งทางอากาศให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคภายใน 5 ปีข้างหน้า

• นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลโครงการรับจำนำข้าว กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องขายข้าวในโครงการรับจำนำตามราคาตลาดโดยต้องยอมรับผลขาดทุนจากการรับจำนำในราคาสูงกว่าตลาด และตนเองจะดูแลเงินรับจำนำไม่ให้เกินปีละ 5 แสนล้านบาท พร้อมจัดหาแหล่งเงินในปีต่อๆ ไป รวมทั้งติดตามว่าเงินที่ได้จากการขายข้าวเป็นไปตามแผนหรือไม่

โดยกรอบวงเงิน 5 แสนล้านบาทจะมาจากเงินกู้ที่ ครม.อนุมัติ 4.1 แสนล้านบาท และจากสภาพคล่องของ ธ.ก.ส.9 หมื่นล้านบาท

• อธิบดีกรมการค้าภายใน แจ้งว่า คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) จะประชุมในวันนี้ (11 มี.ค.) เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์โครงการรับจำนำข้าวเปลือกรอบที่ 2 ปีการผลิต 2555/56 หรือข้าวนาปรัง ที่คาดจะใช้วงเงิน 1.05 แสนล้านบาท โดยราคารับจำนำยังอยู่ที่ตันละ 1.5 หมื่นบาท และข้าวหอมมะลิ 100% ตันละ 2 หมื่นบาท

Equity Market
------------------



• SET Index ปิดที่ 1,566.92 จุด เพิ่มขึ้น 5.94 จุด หรือ +0.38% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 72,051.99 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 461.97 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย

• ดัชนีดาวโจนส์สหรัฐ ทุบสถิติตลอดกาล (All time High) อย่างต่อเนื่อง โดยทะลุ 14,400 จุดไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค. เหนือสถิติสูงสุดครั้งก่อนเมื่อปี 2551 อย่างไรก็ตาม แนวโน้มตลาดแรงงานที่เริ่มฟื้นตัวได้จุดกระแสคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ที่ FED จะยุติมาตรการ QE3 ตามเป้าที่วางไว้ว่าจะอัดฉีดเงินเข้าระบบจนกว่าตลาดแรงงานจะฟื้นตัว

Fixed Income Market
---------------------------


• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไม่มีการเปลี่ยนแปลง

Guru Corner
---------------



• Philip Kotler

(สรุปจาก Post Today)

“การทำการตลาด 3.0 ในยุคดิจิตอลเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ มี 2 กลยุทธ์หลัก คือการทำซีเอสอาร์ หรือการดำเนินการตลาดรับผิดชอบต่อสังคม และการทำโซเชียลมีเดียหรือใช้สื่อใหม่ๆ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งแม้ว่าขณะนี้ไทยจะเข้าสู่ยุคดิจิตอลแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเทงบถึง 50% เพื่อใช้สื่อใหม่ เพราะการใช้งบมากไม่ได้หมายความว่าจะเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ สูตรสำเร็จคือผนึกสื่อใหม่และสื่อเก่าใช้ควบคู่กัน โดยทดลองใช้สื่อใหม่ไปเรื่อยๆ และใส่งบการตลาดเพิ่มหากได้รับการตอบรับที่ดี

การทำโซเชียลมีเดียทำให้ผู้บริโภครับรู้ความเป็นแบรนด์มากขึ้น เป็นการสร้างแบรนด์ให้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น และทำให้การสื่อสารของคนสะดวกมากขึ้น ในขณะที่คนก็จะสื่อสารกันเองมากขึ้น

การตลาดได้เปลี่ยนไปจากเดิมทำให้แบรนด์สินค้าต้องมุ่งการทำตลาดรับผิดชอบต่อสังคมหรือซีเอสอาร์ครบทุกมิติ โดยเฉพาะสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคใส่ใจขณะนี้ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ซีเอสอาร์ ทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะสร้างมูลค่าให้กับแบรนด์หรือองค์กร

ขณะที่การทำ ซีเอสวี (CSV : Creating Shared Value) กำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรง เพราะเป็นแนวคิดก้าวข้ามไปอีกขั้น คือการที่องค์กรธุรกิจมุ่งดำเนินงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมและส่งเสริม ให้ธุรกิจแข่งขันได้

สำหรับแผนการตลาดในยุคดิจิตอล (ยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลงผู้บริโภค) นั้น นักการตลาดไม่ควรวางแผนระยะยาว หรือ 5 ปี แต่ต้องปรับตัวและแผนให้รองรับกับความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ที่ผ่านมาสินค้าส่วนใหญ่ทำตลาดเจาะกลุ่มคนรวย 2 พันล้านคนจากประชากรโลก 7 พันล้านคน โดย สินค้าหลายแบรนด์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับฐานลูกค้า 5 พันล้านคนซึ่งส่วนใหญ่ยากจน

แต่ 5 พันล้านคนนี้จะเป็นฐานตลาดใหญ่ในอนาคตเพราะกำลังก้าวสู่ชนชั้นกลาง เทรนด์ที่จะเกิดขึ้นคือชนชั้นกลางจะมีบทบาททางสังคมและวัฒนธรรมของประเทศสูง

การทำตลาดยุคนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่นำเสนอนวัตกรรมแก่ผู้บริโภคเท่านั้น แต่สินค้าต้องเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมควบคู่กับนวัตกรรมด้วย สินค้าจากตะวันออกเป็นตลาดเติบโตสูง เพราะทำการ ตลาดเชื่อมโยงกับวัฒนธรรม เช่น ซัมซุง แอลจี หรือกระทั่งฮุนได ต่างจากสินค้าตะวันตกที่เน้นนำเสนอนวัตกรรม

สินค้าจะต้องปรับวิธีการตลาดให้สนองความต้องการของตลาดมากขึ้น ส่วนภาคการผลิตกำลังก้าวสู่ระบบอัตโนมัติที่ไม่ต้องพึ่งพาแรงงานอีกต่อไป ส่วนการจะสร้างแรนด์ไทยเพื่อเป็นผู้นำหรือมีบท บาทในอาเซียนนั้น ไทยจะต้องนำจุดแข็งแกร่งที่สุดมาสร้างแบรนด์ ซึ่งที่ผ่านมาไทยโดดเด่นด้านวัฒนธรรมที่สวยงาม และมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดอาเซียน 10 ประเทศ”

1 ความคิดเห็น:

  1. ผม Mr.Excel ,ถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ให้กู้ เงิน มีชื่อเสียง เราจะให้ ออก เงินให้กู้ยืมแก่ ธุรกิจ ผู้ชาย และ ผู้หญิงที่มี ทำรายการ ธุรกิจ เราให้ ออก เงินให้กู้ยืม ระยะยาว 3-20 ปี สูงสุด ที่มีอัตรา ดอกเบี้ยต่ำ 2% ในการนี้ คุณได้เช่นกัน เรา สามารถบอก จำนวนเงินที่คุณ ต้อง เป็น เงินกู้ สินเชื่อ จะได้รับ ออกมาใน ปอนด์ และ $ USD สูงสุดที่เรา ให้เป็น 500,000,000 ปอนด์ ทั้งใน และ $ ดอลลาร์สหรัฐฯและ5,000 ปอนด์และ ดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นหาก คุณ จริงๆ มีความสนใจ ติดต่อได้ที่ (excelservices.managementonline@gmail.com) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีที่ จะได้รับเงินกู้

    เสนอสินเชื่อที่

    ตอบลบ