นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ช่วงท้ายตลาดดีดตัวขึ้นมาแต่ปริมาณซื้อขายไม่มาก เกิดจาการทำ Window Dressing ปิดงวดไตรมาส 1/57 โดยมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มแบงก์ กลุ่มพลังงาน และ หุ้น Big Cap ขณะเดียวกันก็ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า ขึ้นอยู่กับผลประชุมสามัญพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ว่าจะได้ข้อสรุปลงเลือกตั้งหรือไม่ หากตัดสินใจลงเลือกตั้ง ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,380 จุด แต่ถ้ายังไม่ลงเลือกตั้งตลาดก็ยังแกว่งตัว sideway รอติดตามสถานการณ์การเมือง รวมถึงการชุมนุมของกลุ่มต่าง ๆ
ทั้งนี้ คาดว่าในสัปดาห์หน้า ปริมาณการซื้อขายก็คงจะมีไม่มาก เพราะจะเข้าสู่วันหยุดยาวหลายช่วงในเดือน เม.ย.ให้แนวต้านต้นสัปดาห์ที่ 1,380 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,350 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,162.98 ล้านบาท ปิดที่ 223.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,029.40 ล้านบาท ปิดที่ 174.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,884.58 ล้านบาท ปิดที่ 176.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,622.38 ล้านบาท ปิดที่ 299.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,301.21 ล้านบาท ปิดที่ 156.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
ผมขอสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนนะครับ เพราะเดือนนี้เป็นเดือนสำคัญของตลาดหุ้นบ้านเราเนื่องจากมีการประกาศปีงบปี ของบริษัทต่างของปี 2556 ซึ่งถามผมมุลค่าหุ้นก็ได้ปรับขึ้นลงตามงบการเงินนั้นแหละครับ เรื่อง QE เป็นสิ่งที่เกืดขึ้นในช่วงสั้นๆเท่านั้น ประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นต่องพื้นฐานของบริษัท น่าจะเป็นปัญหาการเมืองมากกว่าครับ ที่ส่งผลให้คนในประเทศขาดความเชื่อมั่นต่างๆครับ จน GDP ลดลงมาก ต่างชาติเห็นเค้าก็ขายอยู่แล้วหละครับ ทีนี้ถึงเวลามองไปข้างหน้านะครับ ว่าจะเอาไงต่อ ตอนนี้ตลาดเค้าสู่การพักฐาน ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกปี ขึ้นอยู่กลับว่าที่ผ่านมาราว 3 เดือนราคาตลาดกลับมูลค่าหุ้นต่างๆๆสอดคล้องรึยัง จะสังเกตได้ว่า ใน SET100 review weekly ที่ทำมาร่วม 3 เดือนมีหุ้นที่เป็นสีเขียวค่อนข้างมากครับ ส่งผลให้ตลาดวิ่งกลับสู่จุดดุลยภาพ (คงงงน่าดู ชั่งมันเถอะครับ)
ปกติแล้วงบการเงินที่เติบโตดีในไตรมาส 1 จะเป็นกลุ่มพลังงานครับ โตอยู่ Q1 มาหลายปีแหละ ซึ่งก็คงเป็นอย่างนั้น และดันไปสอดคล้องกลับกลุ่มธนาคารที่จ่าย XD ในช่วงกลางเดือนเมษายน เราจึงมองว่าตลาดในช่วงเดือนเมษาจะขึ้นด้วยหุ้นกลุ่มพลังงาน และมีการย่อในช่วงต้นเดือนด้วยกลุ่มธนาคารและไปเร่งขึ้นอีกทีช่วงสงกรานต์ครับ ใครมีอะไรอยู่ก้ดูกันดีๆๆนะครับ เพราะหุ้นพวกนี้มีการถ่วงน้ำหนักของตลาดค่อนข้างเยอะ และกลุ่มธนาคารก้จะเริ่มประกาศงบ Q1 พอดีทำให้เราจะประเมิณมุลค่าง่ายขึ้น จะเห็นทิศทางตลาดได้ง่ายครับ
ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาจากการอ่านพวกรายงานเศรษฐกิจต่างๆพบว่ามีอัตราลดลงค่อนข้างมาก ทำให้เมื่อเทียบกลับปีก่อนหน้าที่สูงโด่ คงทำให้ P/E ของตลาดสูงโด่แน่นอน เป็นทิศทางที่ไม่ดีในช่วงสั้นครับบ ทำให้เราแนะนำ take profit เมื่อหุ้นของคุณๆๆปรับขึ้นแรง และ keep cash ไว้ลงทุนรอบใหม่นะครับ ไม่ได้มองว่าตลาดจะแย่หรือจะดีครับ เพราะมองเรื่องขาดทุนถือมาได้เป็นปีๆๆ คงไม่รู้สึกแล้วหละครับ แต่ละคนก็มีลักษณะนิสัยต่างๆกัน ซึ่งเราบังคับไม่ได้ คุณจะต้องเข้าใจตัวเองก่อน
ในเรื่องเทคนิคย้อนมาดูเป็นไตรมาสแรกที่จะปิดแท่งเขียว ในรอบ 1 ปีครับ ทำให้เราเริ่มมองเห็นฐานของตลาดอีกครั้ง ยกเว้นเปิดมาวันจันลงเกิน 60 จุดอะครับ อันนี้ถือว่าซวยสุดๆๆๆ
เวลาตลาดมันขึ้นมันไม่ขึ้นทุกตัวหรอกครับ นักลงทุนต่างชาติเค้าเลือกนะครับ ว่าตัวไหนดีไม่ดี เค้าไม่ได้ซื้อมั่วๆๆครับ เราแค่เห็น momentum มันกลับมา In long term ก้ต้องเลือกหุ้นพื้นฐานอยู่ดีครับ
อุตสาหกรรมต่างๆๆส่วนใหญ่ออกมาลดลงกันหมด แต่ที่เห็นเติบโตได้ในช่วง Q1 เป็นปูนซีเมนต์ ที่มีการส่งออกไปในประเทศในอาเซียนค่อนข้างมาก เค้าเอาไปสร้างนู้นสร้างนี่ได้บ้านเค้ากันครับ พวกสาธารณูประโภคต่างๆ ทำให้รอบนี้เราจึงมอง SCC เป็นหุ้นแนะนำเมื่อราคาลงแรก ใกล้ XD แล้วด้วย หลายกองถือด้วยอะ หลังจบรอบนี้จะเริ่มมองหุ้นพวกนี้นะครับ SCC TTA BTS BLAND AOT AEONTS เป็นหุ้นที่ปิดงบไม่ตรงตามปีปฏิทินครับ
กลยุทธ์
มีหุ้น มีเงิน ติดหุ้น takeprofit บางส่วน keep cash ออกมาลงทุนรอบใหม่ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า
ไม่มีหุ้น มีเงิน wait and see
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น