หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2557

จี้เอสเอ็มอีไทยปรับตัวหนีคู่แข่ง

 จี้เอสเอ็มอีไทยปรับตัวหนีคู่แข่ง (ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์, ประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557)                                                                   นายพรศิลป์  พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย  เปิดเผยภายในงานสัมมนา เปิดผนึกเอสเอ็มอีไทยสู่การปฏิรูปอุตสาหกรรมในยุคเออีซี จัดโดยสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (สทท.) ว่า หากภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ ประเทศไทยยังไม่มีการพัฒนาโครงสร้างอะไรประเทศเพิ่มเติม ประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า และเวียดนามจะพัฒนาขึ้นมาเทียบเท่าไทย โดยเฉพาะพม่ากำลังเป็นที่จับตาเนื่องจากเพิ่งเปิดประเทศ และยังมีแหล่งทรัพยากรที่สมบูรณ์ สำหรับการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย จากการประเมินศักยภาพการแข่งขัน พบว่า ไทยยังมีโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการลงทุนเป็นอันดับต้น ๆ ของเออีซี โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย ควรร่วมกับผู้ประกอบการขนาดใหญ่ออกไปลงทุนและเน้นผลิตสินค้าป้อนให้รายใหญ่ เป็นลักษณะเชื่อมโยง เช่น ใช้เงินทุนของผู้ประกอบการรายใหญ่ออกไปลงทุน และผลิตสินค้ากลับมาให้รายใหญ่เพราะศักยภาพของเอสเอ็มอีค่อนข้างมีจำกัด นอกจากนี้ ควรปรับตัวในการทำตลาดปรับปรุงโลจิสติกส์ และออกไปลงทุนใน ต่างประเทศที่มีความพร้อมในเรื่องวัตถุดิบทรัพยากร และแรงงาน เพราะไทยมีต้นทุนด้านนี้สูง โดยอุตสาหกรรมที่ควรไปลงทุนในต่างประเทศคือ เสื้อผ้า อาหาร เพราะประเทศเพื่อนบ้านมีความพร้อมในเรื่องทรัพยากรและต้นทุนต่ำกว่าไทย

            อย่างไรก็ตาม ทางด้านน.ส.วิมลกานต์  โกสุมาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ปัญหาของเอสเอ็มอี คือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและอุตสาหกรรมมีการจัดตั้งในต่างประเทศแบบกระจัดกระจายต่างกับญี่ปุ่นที่มีแนวทางออกไปลงทุนผ่านการสนับสนุนของรัฐบาลใช้วิธีตั้งนิคมอุตสาหกรรมเพื่อให้นักลงทุนอยู่ร่วมกัน และผลิตสินค้าป้อนระหว่างกัน ดังนั้นการที่เอสเอ็มอีไทยจะออกไปลงทุนได้ต้องพึ่งพาการสนับสนุนของภาครัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น