หน้าเว็บ

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 21/11/55

General News

• รัฐมนตรีฝรั่งเศสออกมาปกป้องเศรษฐกิจและการเงินหลังถูกมูดีส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่มีผลต่อปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศส รวมถึงภาคธนาคารยังมีความแข็งแกร่งกว่าปีที่ผ่านมา 

• สเปนเตรียมศึกษาแผนให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงกว่า 160,000 ยูโรได้ เพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์หลังเผชิญภาวะฟองสบู่แตกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มเป้าหมายของนโยบายนี้จะเป็นนักลงทุนจีนและรัสเซีย

• ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเยอรมันเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 1.5% จากระดับ 1.7% ในเดือน ก.ย. ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ทรงตัว โดยดัชนี PPI นับเป็นปัจจัยชี้วัดแรงกดดันด้านราคาในระดับผู้ผลิตซึ่งใช้ประเมินแนวโน้มราคาในระดับผู้บริโภคได้

• ฟิทช์ เรทติ้งส์ เปิดผยว่า ภาวะหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) อาจส่งผลให้เศรษฐกิจของสหรัฐเผชิญกับภาวะถดถอยครั้งที่ 2 โดยคาดการว่าสภาคองเกรสจะไม่ปล่อยให้มาตรการปรับขึ้นภาษีและลดรายจ่ายมีผลบังคับใช้ได้ทันในต้นปีหน้า ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงจะส่งผลกระทบต่อจีดีพี และอัตราการว่างงานที่สูงขึ้น และอาจสร้างความกดดันต่ออันดับความน่าเชื่อถือ

• ยอดขายของห้างสรรพสินค้าในญี่ปุ่นเดือน ต.ค. ลดลง 2.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน เป็นผลมาจากวันหยุดสุดสัปดาห์ที่น้อยกว่าปีที่แล้ว 2 วัน และจากสภาพอากาศที่อุ่นขึ้นผิดฤดูกาลที่ทำให้ยอดขายเครื่องแต่งกายฤดูหนาวลดลง

• หนี้ต่างประเทศของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นสู่ 419.4 พันล้านดอลลาร์ หลังจากในไตรมาส 3 ธนาคารในเกาหลีใต้กู้เงินระยะยาวจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 11.7 พันล้าน ขณะที่การก่อหนี้นะยะสั้นลดลง 8.1 พันล้านดอลลาร์

• ธปท. เปิดเผยว่า ความต้องการบริโภคภายในประเทศ (domestic demand) ยังแข็งแกร่งถือเป็นแรงส่งทางเศรษฐกิจที่ดี สะท้อนจากการลงทุนที่ขยายตัวประมาณ 16% ส่วนการบริโภคขยายตัวประมาณ 6% แม้ว่าการส่งออกจะไม่ฟื้นตัว

• ครม. มีมติให้ขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลอีก 1 เดือน ไปจนถึงสิ้นเดือน ธ.ค. เพื่อรอดูสถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกและเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน และมีมติให้ขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 300 บาท เริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 2556 เป็นต้นไป

• ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายปี 2556 โดยตั้งเป้าว่าจะมีการเบิกจ่ายไม่น้อยกว่า 94% ของงบประมาณรายจ่าย 2.4 ล้านล้านบาท และตั้งเป้าเบิกจ่ายในไตรมาส 1 ไม่น้อยกว่า 10% ไตรมาส 2 ไม่น้อยกว่า 15% ไตรมาส 3 ไม่น้อยกว่า 25% และไตรมาส 4 ไม่น้อยกว่า 30%

• ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ย่านรัชดาภิเษก-ลาดพร้าวจะกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ในอนาคต เนื่องจากมีการก่อสร้างที่ตั้งของหน่วยงานธุรกิจขนาดใหญ่หลายแห่ง และยังมีห้างสรรพสินค้าที่เปิดทำการแล้ว อีกทั้งจะมีการพัฒนาโครงสร้างเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ส่งผลให้เกิดแหล่งงานขนาดใหญ่ ดึงดูดผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม

Equity Market 


• SET Index ปิดที่ 1,276.41 จุด ลดลง 7.24 จุด หรือ -0.56% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 24,863 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,170.03 ล้านบาท ทั้งนี้ ตลาดยังคงกังวลเรื่องปัญหาเศรษฐกิจในยูโรโซนหลังมูดี้ส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือของทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศส รวมถึงแรงกดดันในประเทศจากความไม่ชัดเจนเรื่องการประมูล 3G

• ตลท. เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนใน mai มีกำไร 61 บริษัท คิดเป็น 78% ของบริษัททั้งหมด และสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น 20.28% ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นยังคงเติบโตทั้งยอดขายและกำไร

Fixed Income Market


• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล เปลี่ยนแปลงในช่วง -0.02 -0.00 มูลค่าการซื้อขายรวม 88,946 ล้านบาท สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลวงเงินรวม 23,000 ล้านบาท 

Gold Corner


• Bloomberg รายงานว่า การปรับขึ้นของราคาทองคำครั้งที่นานที่สุดในรอบ 9 ทศวรรษจะยังดำเนินต่อเนื่องไปในปีหน้า โดยธนาคารกลางในยุโรปรวมถึงจีนมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงมีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงิน ทำให้พบความเคลื่อนไหวของนักลงทุนอย่าง John Paulson รวมถึง George Soros 

โดย John Paulson ผู้ที่กลายเป็นอภิมหาเศรษฐีจากวิกฤตซับไพร์มในปี 2007 ได้เพิ่มการลงทุนในทองคำถึง 26% ในไตรมาสสองของปีนี้ ทำให้ปัจจุบันถือเป็นผู้ถือหน่วยสูงสุดของกองทุน SPDR ขณะที่ George Soros ได้เพิ่มการถือครองทองคำถึง 49% ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวในการกว้านซื้อทองคำครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา โดยนักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะพุ่งสูงขึ้นในทุกๆ ไตรมาสของปีหน้า และราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 1,925 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วง 3 เดือนสุดท้าย หมายความว่า ราคาทองคำจะปรับสูงกว่าตอนนี้ถึง 12%

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น