หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 26/11/55

• การประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรปไม่ประสบความสำเร็จเพราะยังไม่บรรลุข้อตกลงเรื่องการกำหนดแผนงบประมาณใน 7 ปีข้างหน้าของ 27 ประเทศสมาชิกได้ โดยประเทศที่เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณของอียูเรียกร้องให้จำกัดการใช้จ่ายของอียูลงเพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณของประเทศตนเอง แต่ประเทศที่พึ่งพาเงินช่วยเหลือจากอียูนั้นต้องการให้อียูคงระดับการใช้จ่ายไว้เท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ เฮอร์มัน ฟาน รอมปุย ประธานสภายุโรปซึ่งเป็นผู้จัดทำแผนร่างงบประมาณดังกล่าวเชื่อว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงได้ภายในช่วงต้นปีหน้า

• GDP เยอรมนีในไตรมาส 3 ขยายตัวช้าลงเป็นเพียง 0.2% ในขณะที่ขยายตัวได้ 0.3% ในไตรมาส 2 และ 0.5% ในไตรมาส 1

และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรากฏว่าขยายตัวเพียง 0.9% แสดงถึงผลกระทบของปัญหาเศรษฐกิจในยูโรโซนที่ฉุดเศรษฐกิจของเยอรมนีซึ่งใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของยุโรป

ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) คาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะอ่อนแอมากขึ้นในช่วงใกล้สิ้นปี และ GDP จะลดลงเล็กน้อยในช่วงไตรมาส 4

• ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของฝรั่งเศสและเยอรมนีในเดือน พ.ย.ฟื้นตัวขึ้นจากเดือนก่อน แต่ยังใกล้เคียงระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของฝรั่งเศส (Insee) รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของฝรั่งเศสปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 88 จุดจาก 85 จุดในเดือนก่อน และสถาบัน Ifo ของเยอรมนี รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเยอรมนีเดือน พ.ย.เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 101.4 จุดจาก 100 จุดในเดือน ต.ค. เป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน

• S&P’s คงอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสไว้ที่ AA+ และคงแนวโน้มอันดับเครดิตเชิงลบ โดยระบุว่า มีโอกาสอย่างน้อย 1 ใน 3 ที่ฝรั่งเศสจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถืออีกในปีหน้า โดยเมื่อต้นสัปดาห์ก่อน Moody’s ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือในพันธบัตรของรัฐบาลฝรั่งเศส ลง 1 ขั้น สู่ระดับ Aa1 จากระดับสูงสุดที่ Aaa

• S&P’s ลดอันดับเครดิตของสถาบันการเงิน 3 แห่งของสเปน โดยปรับลดอันดับเครดิตของ Ibercaja Banco และสมาพันธ์ธนาคารออมทรัพย์สเปน (CECA) ลง 1 ขั้น จาก BB+ เหลือ BBB- และลดเครดิตของ Bankinter ลงจาก BB+ เหลือ BB โดยเตือนว่า ความเสี่ยงสำหรับภาคธนาคารสเปนกำลังเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงจากการลดรายจ่ายภาครัฐ กับอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงถึง 25%

• สมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) รายงานผลคาดการณ์ว่า ผลผลิตของกลุ่มผู้ผลิตอังกฤษปรับตัวลงในเดือน พ.ย. โดยดัชนีคาดการณ์ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของ CBI ลดลงไปอยู่ที่ -9 จาก +12 ในเดือน ต.ค. บ่งชี้ว่าธุรกิจภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษมีแนวโน้มย่ำแย่ลง

• สถาบันพัฒนาเกาหลี คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้จะขยายตัวในอัตรา 3% ในปีหน้า ดีขึ้นกว่าปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.2% เนื่องจากการส่งออกและความต้องการสินค้าภายในประเทศฟื้นตัวขึ้น

อย่างไรก็ตาม การขยายตัวจะยังอยู่ในขอบเขตที่จำกัดเพราะเศรษฐกิจโลกยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวลง

• รมว.คลัง อินเดีย จะลดยอดขาดดุลงบประมาณและควบคุมหนี้สาธารณะเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยรัฐบาลอินเดียเชื่อว่าจะควบคุมยอดขาดดุลงบประมาณในปีนี้ให้อยู่ที่ 5.3% ของ GDP ได้ ซึ่งจะลดลงจากการขาดดุล 5.8% เมื่อปีก่อน และขณะนี้ยังไม่มีแผนเพิ่มปริมาณการกู้ยืมแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาตลาดกังวลมากขึ้นว่าพันธบัตรของอินเดียอาจถูกลดอันดับเครดิตลงสู่ระดับขยะ

• Morgan Stanley คาดการณ์ว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่างๆ เริ่มส่งผล และประเมินว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ที่ 8.2% และ 8.0% ในปี 56 และ 57

นอกจากนี้ ยังคาดว่า รัฐบาลชุดใหม่ของจีนจะผ่อนคลายนโยบายจากปัจจุบันในระยะเวลาอันใกล้นี้ เพื่อให้เอื้อต่อแผนการพัฒนาประเทศสู่ความเป็นเมืองมากขึ้น

• ไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอล คอร์ป (CICC) ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจของจีน คาดว่า อัตราเงินเฟ้อของจีนในปีหน้าจะเร่งตัวสูงขึ้นจากปัจจุบัน โดยคาดการณ์ว่าดัชนีราคาผู้บริโภคจะขยายตัว 2.7% ในปีหน้า เนื่องจากความต้องการสินค้ามีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย

• ชาวอียิปต์เดินหน้าประท้วงหลังจากทีประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซี ประกาศขยายขอบเขตอำนาจของตนเอง โดยให้การใช้อำนาจตัดสินใจของตนเองนั้นไม่มีใครอุทธรณ์ได้แม้แต่ศาล และยังสั่งปลดอัยการสูงสุดของอียิปต์ออกจากตำแหน่งอีกด้วย

การประท้วงครั้งนี้เป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดหลังจากการพ้นจากอำนาจของอดีตประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค

• รัฐบาลไทยสามารถควบคุมการประท้วงบนถนนราชดำเนินให้จบลงได้โดยไม่มีผู้เสียชีวิต โดยนายกรัฐมนตรีให้คำมั่นว่าจะดูแลให้ความเป็นธรรมต่อทุกคนภายใต้กรอบของกฏหมาย

• ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพฯ ชี้ว่า ดอกเบี้ยไทยกำลังเป็นขาลงจนกว่าสหภาพยุโรปจะดีขึ้น โดยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท.(กนง.) จะลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 - 3 ครั้ง จนไปอยู่ที่ 2.0%-2.25% ส่วนจะลดลงเมื่อไรนั้นขึ้นกับมุมมองของ กนง.ต่อระดับปัญหาเศรษฐกิจโลกในแต่ละช่วงข้างหน้า

ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงสูงทั้งในสหรัฐและยุโรปที่มีแนวโน้มว่าจะยังซบเซาไปอีกยาวนาน แต่เศรษฐกิจของไทยที่แข็งแกร่ง การลงทุนจากภาครัฐ รวมทั้งแนวโน้มที่ต่างประเทศให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ นับจากนี้ และในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะเป็นปีทองของไทย แต่ยังต้องระวังปัจจัยเสี่ยงคือปัญหาการเมืองภายใน เพราะถ้าสะดุดอีกก็จะทำให้โอกาสทองของเราหมดไป เพราะต่างประเทศจะไม่เชื่อมั่นที่จะลงทุนในประเทศไทยอีก

• สภาอุตสาหกรรมแห่งประ เทศไทย รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค.อยู่ที่ 93 จุด ลดลงจากเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ 94.1 จุด และลดลง 5 เดือนต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุมาจากความกังวลเรื่องต้นทุนการผลิตที่ปรับสูงขึ้นจากทั้งราคาวัตถุดิบ ค่าจ้างแรงงาน ราคาน้ำมัน และค่าไฟฟ้า ในขณะที่เศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว ซึ่งทางกลุ่มผู้ประกอบการได้เสนอให้ภาครัฐช่วยเหลือในด้านต่างๆ ได้แก่ ชะลอปรับขึ้นค่าไฟฟ้า แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน จัดตั้งกองทุนให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อเครื่องจักรทดแทนแรงงานสำหรับผู้ประกอบการ SME และพัฒนาระบบการขนส่งให้แข่งขันกับต่างประเทศได้

Equity Market
-----------------



• SET Index ปิดที่ 1,281.70 จุด เพิ่มขึ้น 2.19 จุด หรือ 0.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 19,705 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 410 ล้านบาท โดยตลาดไทยปรับตัวขึ้นค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศ คาดว่าเป็นเพราะตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มยุโรปรวมทั้งจีนมีแนวโน้มพลิกกลับเป็นบวกมากขึ้น

และในช่วงวันที่ 26 พ.ย.- ธ.ค.55 จะมีการประชุมสภาคองเกรสสหรัฐฯ เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขหน้าผาทางการคลัง ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไรว่าจะได้เห็นความชัดเจนในการแก้ปัญหาต่างๆ

Fixed Income Market
---------------------------



• ศูนย์วิจัยกสิกร คาดว่า กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมรอบสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 28 พ.ย.เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพราะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวยังเป็นความเสี่ยง แต่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อไม่รุนแรงนัก

ทั้งนี้ ถ้า กนง.มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ก็คาดว่าจะลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกของปีหน้าถ้าหากสัญญาณการปรับตัวของเครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ทั้งการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมไม่ได้ฟื้นตัวขึ้นตามที่คาด

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยในรุ่นอายุตั้งแต่ 8 ปีขึ้นไปมีอัตราผลตอบแทนลดลงระหว่าง -0.02% ถึง 0.00% ส่วนรุ่นอายุต่ำกว่า 8 ปี มีอัตราผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง 0.01%

Guru Corner
----------------



• Marc Faber “ผมเอารูป Ben Bernanke ติดไว้ในห้องน้ำ เมื่อใดที่ผมคิดจะขายทองคำออกไปจากพอร์ต ผมจะดูรูปนี้ มันจะเตือนใจให้ผมฉลาดขึ้น เพราะไม่ว่าใครจะนั่งบริหารในทำเนียบขาวมันก็ไม่สำคัญตราบใดที่ยังมีงบสวัสดิการประชานิยมกับงบประมาณสงครามอยู่ และในขณะนี้การใช้จ่ายควบคุมไม่ได้แล้ว ทั้งยังเป็นงบประมาณที่กฏหมายกำหนดให้ต้องใช้ด้วย และเมื่ออเมริกาอยู่ได้ด้วยเงินกู้ FED จึงกดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลงมาจนติดดิน ซึ่งหากหักอัตราเงินเฟ้อออกก็พบว่าอัตราดอกเบี้ยสุทธิมันติดลบไปแล้ว ผมจึงไม่มีวันขายทองคำออกไปตราบใดที่ยังเป็นอย่างนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น