ตลาดหุ้นไทยวันที่ 7 พ.ย. ดัชนีแกว่งตัวตลอดวันทั้งในแดนบวกและแดนลบ ตอบรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยระหว่างวันดัชนีทะยานขึ้นสูงสุดที่ 1,306.56 จุด ลดลงต่ำสุดที่ 1,297.51 จุด จนมาปิดตลาดที่ 1,299.74 จุด ลดลง 1.10 จุด หรือ 0.08 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41,869.66 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ปิดที่ 389.06 จุด เพิ่มขึ้น 2.97 จุด หรือ 0.77 % มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 1,519.06 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก
1. บีทีเอส ปิดที่ 6.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
2. เอไอเอส ปิดที่ 188.00 บาท ลดลง 5.00 บาท
3. ซีพีออลล์ ปิดที่ 39.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
4. ปตท. โกลบอล ปิดที่ 62.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
5. ธ.กรุงเทพ ปิดที่ 176.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
1. บีทีเอส ปิดที่ 6.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
2. เอไอเอส ปิดที่ 188.00 บาท ลดลง 5.00 บาท
3. ซีพีออลล์ ปิดที่ 39.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
4. ปตท. โกลบอล ปิดที่ 62.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
5. ธ.กรุงเทพ ปิดที่ 176.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. โนมูระ พัฒนสิน มองว่า ดัชนีแกว่งตัวกรอบแคบทั้งในแดนบวกและแดนลบ สวนทางกับตลาดต่างประเทศที่สดใส ตอบรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่บารัค โอบามา ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีในสมัยที่2 โดยไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก โดยปัจจัยในประเทศส่วนใหญ่ให้ความสนใจไปที่หุ้นกลุ่มสื่อสาร หลัง กสทช.ระบุวันส่งมอบใบอนุญาต 3 จี ล่าช้าไปเพียง 7 วันเท่านั้น ส่งผลให้การมอบใบอนุญาตน่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนพ.ย. หรือ ต้นเดือน ธ.ค. นี้
ส่วนแนวโน้ม มองว่าดัชนียังผันผวน จากแรงเทขายค่อนข้างจำกัด เพราะผลประกอบการจากบริษัทต่างๆเริ่มทยอยออกมา โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,285-1,290 จุด และแนวต้านที่ 1,310-1,314 จุด ด้านกลยุทธ์แนะนำให้ซื้อในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีผลประกอบการออกมาดี //
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น