หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 22/10/55

General News
-----------------



• บรรดาผู้นำของสหภาพยุโรป เห็นตรงกันที่จะทำกรอบการทำงานของหน่วยงานกำกับดูแลระบบธนาคารในภูมิภาคให้ เสร็จสิ้นภายใน 1 ม.ค. 2556 เพื่อให้หน่วยงานกำกับฯ ควบคุมดูแลธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งในสหภาพยุโรปซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ เกิดวิกฤตในครั้งนี้เริ่มทำงานได้ภายในปีหน้า

ทั้งนี้ อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมัน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้ชาติต่างๆ มีความระมัดระวังในแผนงบประมาณต่างๆ ของชาติ โดยเฉพาะระบบการเงินการธนาคาร และการช่วยเหลือสเปนจะต้องไม่อัดฉีดเงินลงไปบนความเสี่ยง โดยธนาคารกลางยุโรปจะต้องกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ในขณะที่ ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการหารือเรื่องช่วยเหลือสเปนแล้วแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป

• สหภาพแรงงานขนาดใหญ่สุดของสเปน 2 แห่งจะชุมนุมประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลในวันที่ 14 พ.ย. โดยสหภาพแรงงานทั้ง 2 แห่งนี้เคยจัดชุมนุมประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดไปแล้วเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เกิดปัญหากับการสัญจรทางรถยนต์และอากาศ และทำให้โรงเรียนกับโรงงานทั่วประเทศต้องปิดชั่วคราว

• ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเยอรมนีในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 1.7% จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน 3.1% และราคาอาหาร 3.4%

• คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของอิตาลีเดือน ส.ค.เพิ่มขึ้น 2.6% จากปีก่อน และ 0.7% จากเดือนก่อน จากความต้องการสินค้าที่ต่างประเทศสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 2.5% จากเดือนก่อน

อย่างไรก็ตาม ความต้องการในประเทศยังปรับลดลง 0.6% แต่ยอดขายในภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค.เพิ่มขึ้น 2.9% จากเดือนก่อน (ขึ้นจากในประเทศ 3.4% และต่างประเทศ 2%)

• ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐเดือน ก.ย. ลดลง 1.7% เป็น 4.75 ล้านยูนิต แต่เป็นเพราะจำนวนบ้านมือสองเหลือลดลงมากเนื่องจากมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากอัตราการว่างงานลดลงและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำจนเป็น ประวัติการณ์

ทั้งนี้ จำนวนบ้านมือสองที่ลดลงได้ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยต่อหลังสูงขึ้น 11.3% เป็น 183,900 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ พ.ย. 2548

• การลงทุนทางตรงของนักลงทุนต่างชาติในจีนเดือน ก.ย.เป็น 8.43 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 6.8% และลดลง 4 เดือนติดต่อกัน โดยนักวิจัยของสถาบันบริหารจัดการแห่งชาติจีนระบุว่า เป็นผลมาจากปัจจัยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติอย่างที่ดินที่มีราคาถูก แรงงานจำนวนมาก และผลตอบแทนสูง ได้เริ่มลดลง จนทำให้นักลงทุนต่างชาติทบทวนแผนการลงทุนในจีนใหม่

• ที่ปรึกษาธนาคารกลางจีน ระบุว่า รัฐบาลจีนจะไม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลเหมือนที่ผ่านมาแม้ว่า จะขยายตัวชะลอลง เนื่องจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่จำเป็นต้องกระตุ้น

• ราคาที่ดินจีนประจำไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 1.77% เป็น 3,093 หยวน/ตร.ม. ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน โดยที่ดินสำหรับที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเพียง 1.03% เป็น 4,564 หยวน/ตร.ม. และที่ดินเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น 3.2% เป็น 5,793 หยวน/ตร.ม.

• Jim O'Neill ผู้เป็น Chairman ของ Goldman Sachs Asset Management ชี้ว่า ....

"ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเศรษฐกิจจีนจะไม่ถึงกับทรุดตัวรุนแรง แต่เป็นการปรับตัวให้โตช้าลงบ้าง ซึ่งก็ยังจะมีการเติบโตที่ดีอยู่"

(หาก Jim O'Neill ถูกต้อง การที่ IMF ออกมาปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกก็น่าจะเร็วเกินไป)

• BBC รายงานเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท โดยระบุว่า Robert Prior-Wandesforde ผู้เป็น Director ด้านวิจัยเศรษฐกิจอาเซียน ที่ Credit Suisse มีความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อสูงจะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานานมาก แล้ว จึงคาดว่า ธปท จะต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครี่งแรกปีหน้า

• ดร.บัณฑิต นิจถาวร ประธานสมาคมตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า จะคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคตได้ยากขึ้นหลังจาก กนง. ลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเหนือความคาดหมายในสัปดาห์ก่อน และแม้ว่าการใช้จ่ายกับการลงทุนในประเทศยังจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจไทยในปี หน้าเติบโตต่อไปได้ แต่ก็ควรจับตาดู 3 ปัจจัยสำคัญจากต่างประเทศด้วย ได้แก่

1) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
2) นโยบายการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป
3) การแก้ไขภาระทางการคลังของสหรัฐภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีเสร็จสิ้น

ซึ่งหากทั้ง 3 ปัจจัยมีข้อสรุปในเชิงบวกก็จะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้

Equity Market
-----------------



• SET Index ปิดที่ 1,307.71 จุด ลดลง 3.50 จุด หรือ -0.27% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 33,848 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,071 ล้านบาท ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารเริ่มปรับตัวขึ้นโดยเฉพาะธนาคารขนาดเล็กที่ได้รับประโยชน์ จากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

• สมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า จะให้สมาชิกประเมินเป้าดัชนี SET ในปีนี้และปีหน้าใหม่ เพราะทะลุเป้าสูงสุดที่เคยคาดเอาไว้แล้ว เนื่องจากสมมติฐานสำคัญเปลี่ยนไปโดยมีทั้งปัจจัยบวกที่บวกกว่าเดิม และปัจจัยลบที่ลบกว่าเดิม ซึ่งจะสรุปผลประเมินใหม่ได้กลาง พ.ย. นี้

ทั้งนี้ ได้เตือนให้ระวังช่วงท้ายปีเพราะดัชนีอาจปรับฐาน

ดังนั้น หากหุ้นขึ้นรอบนี้ ก็ควรปรับการลงทุนดูบ้าง โดยในช่วงสั้นให้จับตาระยะกลางคือ 1-2 เดือนนี้ว่าถ้าดัชนีสูงกว่านี้หรือไม่ ถ้าสูงกว่าก็อาจมีการปรับฐานครั้งใหม่ เพราะทุก 1-2 เดือน จะเห็นการปรับฐานเป็นระยะ

• ตลาดหุ้นในยุโรปปิดติดลบในวันศุกร์ เพราะยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือสเปนที่ชัดเจน ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเช่นกัน จากความผิดหวังที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาย่ำแย่กว่าที่คาดหวัง (Apple -2.5%, Chipotle: -15.8%, McDonald's: -4.25%, GE: -3.38%)ทั้งนี้ ดัชนี NASDAQ ยังตกลงมาต่ำกว่าระดับรับทางเทคนิคด้วย

Fixed Income Market
--------------------------



• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลช่วงอายุไม่เกิน 5 ปีลดลง -0.02% ถึง 0.00% ขณะที่ช่วงอายุเกินกว่า 5 ปี เพิ่มขึ้น 0.00% ถึง 0.01% สำหรับวันนี้จะมีการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุ 1 / 3 / 6 เดือน มูลค่ารวม 85,000 ล้านบาท

• UBS, HSBC และ ANZ คาดว่า ธนาคารกลางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า เนื่องจากความต้องการภายในประเทศยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้

แต่อัตราเงินเฟ้อก็มีแนวโน้มที่จะกลับมาเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจอีกครั้ง

• สมาคมตราสารหนี้ไทย ประเมินว่า บริษัทเอกชนจะออกหุ้นกู้ 0.9-1.0 แสนล้านบาทในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งจะทำให้มูลค่ารวมของหุ้นกู้ใหม่ทั้งปีจะเท่ากับ 4.5 – 4.6 แสนล้าน ซึ่งจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์

Guru Corner
---------------



• Nouriel Rubini
-------------------

“ผมรักทุกสิ่งที่ผมทำ แต่ผมไม่เรียกมันว่างาน ผมได้รับอะไรดีๆ หลายอย่างจากสิ่งที่ผมใช้ปัญญาทำมันลงไป และนี่คือช่วงเวลาที่น่าสนใจที่สุดสำหรับใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ มหภาค อาจจะน่าสนใจจนเกินไปก็ได้“

• Jim Rogers
----------------

“หนี้ประเทศนี้จะสูงขึ้นไปอีก ภาษีก็จะสูงขึ้น

มันไม่สนุกหรอก นอกจากเราจะเป็นเพื่อนของ Obama หรือ Romney เพราะถ้าคุณเป็นเพื่อน Romney คุณก็ได้ดี ถ้าคุณเป็นเพื่อน Obama คุณก็ได้ดีเหมือนกัน

แต่คุณกับผมไม่ใช่เพื่อนของ 2 คนนั้น ดังนั้น ไม่ว่าใครเป็นประธานาธิบดี มันก็ไม่มีอะไรดีสำหรับคุณและผม

ในเมื่อนี่คือคนที่พาเราไปสู่ปัญหาจนถึงวันนี้ แล้วทำไมถึงไปเชื่อกันว่าพวกเขาจะพาเราไปจนพ้นปัญหาได้ ผมจึงยังไม่เห็นทางเลือกที่ดีพอจะให้ผมไปเลือกใครให้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี สหรัฐเลย

ผมมองว่าปัญหาจะเกิดในปีหน้า และจะซีเรียส มากในปี 2014 คุณต้องกังวลได้แล้ว ผมเองกังวลมานานแล้ว และมีสองอย่างเท่านั้นที่น่าจะช่วยสหรัฐอเมริกาได้ นั่นก็คือ การปฏิวัติพลังงาน กับการเกษตร“

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น