หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 29/10/55

General News

• บริษัทวิจัยตลาด GfK เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมันในเดือนพ.ย. ว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 6.3 จุด จากเดือนต.ค.ซึ่งอยู่ที่ระดับ 6.1 จุด และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวเยอรมันยังคงเพิ่มการจับจ่ายใช้สอย แม้จะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในภูม
ิภาคยุโรป ซึ่งทั้งดัชนีแนวโน้มการซื้อและดัชนีการคาดการณ์รายได้ล้วนแต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า

• ความเชื่อมั่นทางธุรกิจในภาคการผลิตของอิตาลีในเดือนต.ค. ลดลงแตะ 87.6 จุดจาก 88.3 จุดในเดือนก.ย. แย่กว่าที่ตลาดคาดว่าดัชนีจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 88.7 จุด โดยมีสาเหตุสำคัญคือดัชนีแนวโน้มคำสั่งซื้อที่ลดลง ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจรวมที่ครอบคลุมทั้งภาคการผลิต ภาคบริการ ภาคค้าปลีกและภาคก่อสร้างนั้นมีแนวโน้มดีขึ้น

• ชาวอิตาลีหลายหมื่นคนได้ออกมาชุมนุมประท้วงในกรุงโรมของอิตาลี เพื่อต่อต้านการปรับขึ้นภาษีและลดสวัสดิการสังคมของรัฐบาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาล และเรียกร้องให้มีการสร้างตำแหน่งงานมากขึ้น เพิ่มการลงทุนในด้านการศึกษาและสุขภาพ รวมทั้งลดสิทธิพิเศษของนักการเมืองลง

• อัตราว่างงานของสเปนปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 25% ณ สิ้นไตรมาส 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงเป็นอันดับ 2 ในอียู รองจากกรีซ และเพิ่มขึ้นจากระดับ 24.6% ในไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงขึ้น ทำให้มีประชาชนว่างงานเพิ่มขึ้น 85,000 คนในระหว่างไตรมาส ส่งผลให้จำนวนคนว่างงานรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.78 ล้านคน

• กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในโปรตุเกสมีแนวโน้มจะยืดเยื้อไปจนถึงปีหน้า โดยเศรษฐกิจของโปรตุเกสมีแนวโน้มจะหดตัวลงประมาณ 1% ในปี 56 และคาดว่าหนี้สาธารณะของโปรตุเกสจะเพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 124% ของจีดีพีในปี 57 ถึงจะเริ่มลดลง

• จีดีพีสหรัฐฯ ขยายตัว 2.0% ต่อปีในช่วงไตรมาส 3/55 มากกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวได้ 1.3% และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวได้ 1.8% เนื่องจากผู้บริโภคยังคงเพิ่มการจับจ่ายใช้สอย ประกอบกับการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางที่เพิ่มสูงขึ้นและตลาดที่อยู่อาศัยที่ฟื้นตัวขึ้น ได้ช่วยชดเชยการลงทุนภาคเอกชนที่อ่อนแอลง

• รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนต.ค. อยู่ที่ระดับ 82.6 จุด เพิ่มขึ้นจากระดับ 78.3 จุดในเดือนก่อนหน้านี้ แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าดัชนีฯจะอยู่ที่ 83 จุด ซึ่งตัวเลขนี้มีแนวโน้มทยอยเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดและเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2551 แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

• นายพอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล กล่าวว่า ทั้งประธานาธิบดีบารัค โอบามาและนายมิตต์ รอมนีย์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ต่างไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยให้ความเห็นว่า ประธานาธิบดีคนใหม่จะต้องเสนอมาตรการในระยะใกล้ที่จริงจังเพื่อผลักดันการจ้างงานอย่างเต็มที่ทั้งนี้ นายรอมนีย์มีเป้าหมายที่จะสร้างงานใหม่ 12 ล้านตำแหน่งแต่ไม่ได้แสดงรายละเอียดของการดำเนินการเพื่อทำให้บรรลุตามแผนแต่อย่างใด ส่วน ปธน.โอบามานั้นมุ่งเน้นที่เศรษฐกิจในระยะกลางของเศรษฐกิจในปี 2563 แทนที่จะให้ความสำคัญกับปัญหาที่เร่งด่วนในปัจจุบัน

• สหรัฐฯ และจีนเตรียมจัดการประชุมระดับทวิภาคีว่าด้วยการพาณิชย์และการค้าที่วอชิงตันภายในสิ้นปีนี้ โดยสหรัฐฯต้องการความเชื่อมั่นว่าสินค้าของบริษัทสหรัฐจะมีบทบาทสำคัญในตลาดจีน ส่วนจีนนั้นคาดหวังว่าการที่บริษัทจีนจะเข้าซื้อกิจการในสหรัฐนั้นจะมีอุปสรรคลดลง นอกจากนี้ การขยายความคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญาและแนวทางการปฏิบัติต่อบริษัทต่างชาติของรัฐบาลจีนจะเป็นประเด็นสำคัญในการหารือที่กำลังจะมีขึ้น ทั้งนี้ สหรัฐฯและจีนได้กลับมาเจรจาสนธิสัญญาการลงทุนกันอีกครั้งหลังจากหยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 2552

• นายหม่า หยู นักวิจัยจากกระทรวงพาณิชย์ของจีน คาดว่ามีแนวโน้มมากขึ้นที่เม็ดเงินลงทุนตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนจะลดลงเล็กน้อยหรือทรงตัวในปีนี้ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเม็ดเงิน FDI ในจีนช่วง 9 เดือนแรกของปีลดลง 3.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าที่ผ่านมา เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศมักจะไหลเข้าสู่จีนมากขึ้นในช่วงปลายปี แต่นายหม่าคาดว่า แนวโน้มดังกล่าวอาจจะเปลี่ยนแปลงไปในปีนี้
• บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ 3 อันดับแรกของญี่ปุ่น ได้แก่ โตโยต้า นิสสัน และฮอนด้า มียอดการผลิตรถยนต์ในจีนลดลง 41.9% 20.4% และ 20.7% ตามลำดับ ในเดือนกันยายน เนื่องจากการดำเนินงานที่ชะงักลงจากปัญหาความขัดแย้งเรื่องดินแดนที่ทำให้เกิดกระแสต่อต้านญี่ปุ่นในประเทศจีน นอกจากนี้ ยอดการผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นของทุกบริษัทยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกาหลีใต้เดือนตุลาคมอยู่ที่ 98 จุดในเดือนต.ค. ลดลง 1 จุดจากเดือนก.ย. และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน เนื่องจากจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้สินในยุโรป ทั้งนี้ จีดีพีของเกาหลีใต้ ขยายตัวเพียง 0.2% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นสถิติต่ำสุดในรอบ 3 ปี

• ธปท.คงประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 55 ไว้ที่ 5.7% แต่ปรับลดประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 56 เหลือ 4.6% จากเดิมที่คาดว่าจะโตได้ 5% เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอและมีทีท่าว่าจะยืดเยื้อ ซึ่งทำให้ธปท.ปรับลดประมาณการขยายตัวของการส่งออกในปี 56 ลดลงจาก 10.8% เหลือ 9% แต่นับว่าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ค่อนข้างดีจากอุปสงค์ในประเทศ ทั้งนี้ ธปท.คาดว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 3/55 จะขยายตัวได้ 3-4% และจะขยายตัวเป็น 15% ในไตรมาส 4/55 เนื่องจากฐานปีก่อนอยู่ในระดับต่ำ

Equity Market

• SET Index ปิดที่ 1,281.81 จุด ลดลง 15.58 จุด หรือ 1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 33,729 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,140 ล้านบาท โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงในระหว่างวัน ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาได้ในช่วงท้ายตลาด ซึ่งแรงขายทำกำไรที่มีขึ้นในช่วงนี้น่าจะเป็นเพราะนักลงทุนคาดว่าผลประกอบในไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนน่าจะออกมาต่ำกว่าคาด ประกอบกับได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้นต่างประเทศและราคาน้ำมัน โดยหุ้นที่มีผลต่อการปรับตัวลดลงของตลาดมากที่สุด ได้แก่ หุ้นในกลุ่มสื่อสาร ธนาคาร รวมทั้งปิโตรเคมี


Fixed Income Market

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง เปลี่ยนแปลงในช่วง -0.02% ถึง +0.01% โดยรุ่นอายุระหว่าง 5-10 ปี มีผลตอบแทนปรับลดลงมากกว่ารุ่นอื่นๆ ที่มีผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น