หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แนวหน้า 26/10/55

สรุปข่าวโลกธุรกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า

ดัชนีอุตฯหัวทิ่มตามส่งออก
วิกฤติโลกส่งผลกระทบยาวถึงปีหน้า-ปรับครม.ไม่มีผลปลุกศก.
สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไตรมาส 3 ติดลบ 10.2% ผลจากการลดลงของกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออก ได้รับผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจอียูและประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยชี้ปีหน้าหนักกว่านี้ หากยุโรปไม่ฟื้นส่งออกถึงขั้นติดลบ ด้านเวิลด์แบงก์ แนะไทยปรับตัวรับมือเม็ดเงินทะลักเข้า

เป๊ปซี่ฯทุ่ม1.8หมื่นล.สู้ศึกน้ำดำใช้ดีเอชแอลกระจายสินค้า-เลิกผลิตขวดแก้ว
นายจา-กรูท โคเตชา กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซ่-โคล่า(ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดเครื่องดื่มอัดลม แบรนด์ "เป๊ปซี่" เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างเต็มตัว หลังจากหมดสัญญาทางธุรกิจกับบริษัท เสริมสุข จำกัด(มหาชน) อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พ.ย.2555 โดยแผนการลงทุนนับตั้งแต่ปี             2555-2558       วางงบประมาณไว้ 18,400 ล้านบาท หรือ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็น การผลิตและกระจายสินค้า รวมทั้งกิจกรรมการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ และรักษาความเป็นผู้นำในตลาดน้ำอัดลมในประเทศไทยต่อเนื่อง ซึ่งโรงงานผลิตตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ใช้งบลงทุน 5,200 ล้านบาท บนพื้นที่ 96 ไร่ เป็นโรงงานผลิตเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

ญี่ปุ่นยังชอบลงทุนในไทยตุลาคมพาณิชย์เคาะ55รายเม็ดเงิน2พันล.จ้างงาน200
นายอิทธิพล ช้างหลำ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเปิดเผยว่า ในการประชุมของคณะกรรมการ เมื่อวันพุธที่ 24 ตุลาคม 2555 คณะกรรมได้อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในประเทศไทยจำนวน 23 รายมีเงินทุนที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ 1,983 ล้านบาท และมีการจ้างงานคนไทยจำนวน 235 คน ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตดังกล่าวได้แก่ ธุรกิจบริการ จำนวน 12 ราย คิดเป็น 53% ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต มีเงินลงทุนจำนวน 1,282 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบริการให้แก่บริษัทในเครือในกลุ่มเกี่ยวกับการให้เช่าที่ดินให้กู้ยืมเงิน และรับค้ำประกันหนี้ เป็นต้น สำหรับประเทศที่เข้ามาลงทุน ได้แก่ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐมอริเชียส เนเธอแลนด์ สิงคโปร์ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และสาธารณรัฐเกาหลี

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เมืองไทยประกันภัยสำลักน้ำโชว์ตัวเลขขาดทุนเป็นปีแรก
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้ ขาดทุนเป็นครั้งแรกตั้งแต่ตั้งบริษัท และเป็นการขาดทุนจากการดำเนินงานจริงๆ จากผลกระทบจากภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำท่วมในปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทต้องจ่ายค่าสินไหมน้ำท่วมสูงกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นสินไหมเกี่ยวกับธุรกิจหยุดชะงักด้วย และขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน เพราะยังอยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องสินไหม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะหนึ่ง ในส่วนของเมืองไทยประกันภัยจ่ายค่าสินไหมจริงๆไปกว่า 1,000 ล้านบาท ที่เหลือบริษัทรับประกันภัยต่อต่างประเทศ หรือรีอินชัวเรอร์ เป็นผู้จ่ายค่าสินไหม

"ปู" กดปุ่มเพิ่มเงิน 2.1 หมื่นล้าน กองทุนหมู่บ้านครบทศวรรษเงินหมุน 1.7 แสนล้าน
"ยิ่งลักษณ์" กดปุ่มเพิ่มทุนให้กองทุนหมู่บ้านอีก 1 ล้านบาท เตรียมงบเฉียด 80,000 ล้านบาทสนองนโยบาย เผยลอตแรก 21,624 หมู่บ้านเฮ! รับหมู่บ้านละล้านก่อน เผยครบรอบ 10 ปีกองทุนหมู่บ้าน มีเงินหมุนเวียน 170,000 ล้านบาท

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าอัดธนาคารโลก ชี้มั่วข้อมูลจัดอันดับไม่ยุติธรรมกับไทย
นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารโลกเผยแพร่รายงานความยากง่ายในการทำธุรกิจประจำปี 2556 โดยจัดให้ไทยอยู่ในอันดับที่ 18 ของประเทศ ที่ทำธุรกิจง่าย จาก 185 ประเทศทั่วโลก ซึ่งหล่นลงจากอันดับที่ 17 ในปี 2555 ว่า ไม่ยุติธรรมกับประเทศไทยเพราะธนาคารโลกพิจารณาจากปัจจัยที่อยู่นอกเหนือหน้าที่ของกรม โดยเฉพาะในหัวข้อการก่อตั้งบริษัทและการเริ่มต้นธุรกิจในไทยนั้น ในความเป็นจริงได้ปรับปรุงเงื่อนไข และขั้นตอนการจดทะเบียนนิติบุคคลให้คล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้น สามารถจดทะเบียนได้แล้วเสร็จภายในเวลาเพียง 60 นาที จากเดิมต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30 วัน ซึ่งไม่มีประเทศใดในโลกสามารถทำได้เช่นนี้

จับตา "เพ้ง" รับเผือกร้อนแอลพีจี!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเดิมเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน ได้ประสานงานกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เพื่อให้นายกิตติรัตน์เป็นประธานในการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงานในการปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีทั้งระบบหรือทุกกลุ่มผู้ใช้ ว่าควรกำหนดให้เป็นราคาเดียวกันทุกกลุ่มผู้ใช้ แต่ปรากฏว่าต้องถูกยกเลิกกะทันหันและเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด ภายหลังมีกระแสการปรับ ครม.ของรัฐบาล โดยเฉพาะนายอารักษ์ได้ขอยกเลิกการประชุม ให้เหตุผลว่าต้องรอให้มี รมว.พลังงานคนใหม่มาดำเนินการต่อ เพื่อมารยาททางการเมือง ที่ต้องให้ รมว.พลังงานคนใหม่เป็นคนนำเสนอข้อมูล ให้ที่ประชุมรับทราบและหาก รมว.พลังงานคนใหม่ คือ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ก็ถือว่านายพงษ์ศักดิ์ต้องมารับหน้าที่ในการตัดสินใจเรื่องนี้เป็นงานแรก เพราะเรื่องนี้ถูกดึงมานานหลายเดือน โดยกระทรวงพลังงานระบุว่า ผลการศึกษาเรื่องโครงสร้างราคาเอ็นจีวียังไม่ได้ข้อยุติ จึงต้องรอให้นำเรื่องราคาของเชื้อเพลิงทั้ง 2 ชนิดมาพิจารณาควบคู่กัน ซึ่งคาดว่าในที่สุดแล้วรัฐบาลจะต้องเดินหน้าปรับราคาแอลพีจีทั้งระบบ เนื่องจากเฉลี่ยราคาแอลพีจีตลาดโลกอยู่ที่ 1,001 เหรียญฯ ต่อตัน (ยังไม่รวมค่าขนส่งและบริหารจัดการ) คิดเป็นราคาแอลพีจี 40 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) หรือเฉลี่ย 20 บาทต่อลิตรหากเทียบกับราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน ก็ยังคงถูกกว่ามาก

ธปท.ผวาถล่มเงินฮ่องกงป่วนโลก

นายศิริ การเจริญดี กรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงและที่คุยกันในบอร์ด ธปท. ในขณะนี้คือ ต้องจับตาการต่อสู้ค่าเงินของฮ่องกงให้ดี เพราะมีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก เพราะฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการเงินแห่งหนึ่งของโลก ดังนั้น หากฮ่องกงประสบปัญหาหรือสู้ไม่ไหว อาจกระทบต่อเนื่องถึงเศรษฐกิจทั่วโลกได้

ไม่ห้าม ธปท.แทรกแซงค่าเงิน
นายคณิศ แสงสุพรรณ กรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะประธานคณะทำงานแก้ปัญหาการขาดทุนสะสมของ ธปท.กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการ ธปท.ว่า คณะกรรมการ ธปท.ได้อนุมัติกรอบการลงทุนของทุนสำรองทางการระหว่างประเทศเพิ่มเติม โดยอนุญาตให้ ธปท.นำเงินสำรองทางการไปลงทุนเพิ่มเติมในพันธบัตรรัฐบาลของอินโดนีเซียได้ หลังจากก่อนหน้านี้ได้อนุญาตเพิ่มเติมให้ ธปท.นำทุนสำรองทางการไปลงทุนในประเทศที่สถาบันจัดอันดับระดับโลกจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่ "สามารถลงทุนได้" หรือ Investment Grade ซึ่งการเพิ่มประเทศที่จะนำทุนสำรองทางการระหว่างประเทศไปลงทุนได้ เพื่อให้ ธปท.มีทางเลือกที่จะได้ผลตอบแทนการลงทุนสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในแผนการลดผลขาดทุนของธปท.ที่คณะทำงานแก้ผลขาดทุนได้เสนอให้บอร์ด ธปท.อนุมัติ โดยที่ผ่านมาได้เคยขยายขอบเขตการลงทุนไปก่อนหน้าแล้ว จากเดิมที่ต้องลงทุนในประเทศที่มีอันดับน่าเชื่อถือสูงๆ ลดลงมาเป็นประเทศในระดับที่สามารถลงทุนได้

คุมชาร์เตอร์ไฟลท์ตีกันซ้ำรอยพี.ซี.แอร์
นายวรเดช หาญประเสริฐ อธิบดีกรมการบินพลเรือน (บพ.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (26 ต.ค.) ได้เชิญผู้ประกอบการสายการบินที่ให้บริการแบบเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลท์) รวม 6 รายมาหารือ เพื่อชี้แจงนโยบายที่จะเข้มงวดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนกรณีของสายการบิน พี.ซี.แอร์ อีก โดยเบื้องต้นจะให้แต่ละสายการบิน ส่งผลดำเนินงานมายัง บพ.ทุก 3 เดือน หรือ 6 เดือน เพื่อให้ทราบข้อมูลฐานะทางการเงินของแต่ละสายการบินอย่างใกล้ชิด และจะออกประกาศคุ้มครองสิทธิผู้โดยสารที่ใช้บริการชาร์เตอร์ไฟลท์ของไทย ทั้งเส้นทางบินในประเทศและต่างประเทศด้วย จากเดิมที่คุ้มครองเฉพาะเส้นทางบินในประเทศ

"เทสโก้ โลตัส" จัดหนัก! ห้างค้าปลีกผุด "บริการเสริม" กระหึ่มลั่น
เทสโก้ โลตัส ผู้นำธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ และเจ้าพ่อเรื่องราคาถูกทุกวัน ภายใต้ชื่อ "โรลแบ็ค" เดินหน้ารุกธุรกิจบริการเสริมครบวงจรเต็มสตีม แข่งร้านสะดวกซื้อและแบงก์พาณิชย์ พร้อมเตรียมโปรเจกต์ยักษ์เข็มบริการเสริมใหม่เติมเงินค่าโทรศัพท์มือถือ บัตร โทรศัพท์ระหว่างประเทศ และเกมออนไลน์เสริมทัพ ตั้งเป้ากระตุ้นยอดผู้ใช้บริการเสริมที่เทสโก้ โลตัสส่งท้ายปีและตัวเลขผู้ใช้บริการเติมเงินเพิ่มกว่า 50% ต่อเดือนในสิ้นปี 55 นี้

"คุณหรีด" ต่อยอดธุรกิจละครไทย จับมือ "สามารถ-ช่อง3" สร้างกิจกรรมกระหึ่ม
นางสาวรพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์ หรือ "คุณหรีด" ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น "กูรูฟู้ดส์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหาร" และ "นักธุรกิจสาวอินเตอร์" เปิดเผยว่า จากการที่ขณะนี้หลายประเทศโดยเฉพาะเกาหลีและญี่ปุ่นได้มีการสร้างมูลค่าเพิ่มจาก "ละครซีรีส์" ทางสถานีโทรทัศน์ ในรูปแบบต่างๆ ไม่ใช่แค่ว่าสร้างละครแล้วมาดังเป็นกระแสแค่เฉพาะช่วงตอนออกอากาศ แต่พอละครจบกระแสก็พลอยจบไปด้วย โดยทั้งเกาหลีและญี่ปุ่นสามารถสร้างมูลค่าจากละครซีรีส์ได้หลากหลายรูปแบบด้วยกัน แต่สำหรับวงการละครบ้านเรายังไม่มีการสร้างมูลค่าเพิ่ม ขณะที่ขณะนี้กระแสละครไทยในบ้านเรากำลังมาแรงตนจึงได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับผู้บริหารบริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องละคร ปรากฎว่าทางช่อง 3 เห็นด้วยกับเรื่องนี้

"เป๊ปซี่" ประกาศก้องสู้ศึกน้ำดำ เมิน "เสริมสุข" ตัดญาติ 2 พ.ย.นี้

นายจา-กรูท โคเตชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลมเป๊ปซี่ มิรินด้า และเซเว่นอัพ เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หมดสัญญากับบริษัท ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ บริษัทจะหยุดการจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมในรูปแบบขวดแก้วทันที โดยจะเน้นจำหน่ายสินค้าในรูปแบบขวดพีอีที (PET) และกระป๋อง (CAN) มากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกหันมานิยมบริโภคสินค้าในรูปแบบขวดพีอีทีและกระป๋องมากกว่ารูปแบบขวดแก้วคืนขวด "การหันมาทำตลาดขวดพีอีทีมากขึ้นถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของการทำตลาดของเป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เพราะจะทำให้บริษัทสามารถแข่งขันด้านราคาได้มากขึ้น"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น