General News
------------------
• รัฐบาลกรีซได้เริ่มเปิดการเจรจารอบใหม่กับ Troika เพื่อขอรับเงินกู้งวดใหม่ โดยกรีซต้องโน้มน้าวให้ Troika เห็นชอบกับมาตรการลดรายจ่ายและขึ้นภาษีมูลค่ารวม 1.35 หมื่นล้านยูโรในปี เพื่ออนุมัติเงินกู้รอบใหม่กับกรีซ ทั้งนี้ เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมกับ Troika รมต.คลังกรีซจะยื่นร่างงบประมาณปี 2556 ต่อรัฐสภาเป็นลำด...ับต่อไป
• อัตราว่างงานของยูโรโซนในเดือน ส.ค.คงที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 11.4% เป็นผลมาจากการปรับลดงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลในหลายประเทศ ส่งผลให้ภาครัฐต้องลดตำแหน่งข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจลงหลายตำแหน่ง ทำให้มีผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นรวม 34,000 คน
• ดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนในเดือน ก.ย.อยู่ที่ 46.1 จุด เพิ่มขึ้นจาก 45.1 จุดในเดือนก่อน โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตของเยอรมัน อิตาลี และสเปน ปรับเพิ่มขึ้นสู่ 47.4, 45.7 และ 44.5 ตามลำดับ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ ของฝรั่งเศสลดลงมาอยู่ที่ 42.7 จาก 46.0 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 41 เดือน (ดัชนีในระดับต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของยูโรโซนยังอยู่ในภาวะการหดตัวลง)
• ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐในเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้นสู่ 51.5 จาก 49.6 ในเดือนก่อน แสดงว่า ภาคการผลิตกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยเป็นผลมาจากยอดการสั่งซื้อ และการส่งออก ที่ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก่อน
• นักวิเคราะห์ต่างประเทศรายหนึ่ง รายงานว่า เม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้าตลาดทุนในประเทศเกิดใหม่เริ่มมีอัตราชะลอลงเนื่องจากรอดูผลกระทบจากวิกฤติหนี้ในประเทศพัฒนาแล้วว่าจะส่งผลต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศตลาดเกิดใหม่แค่ไหน อย่างไรก็ตาม สำหรับกองทุนซึ่งลงทุนในตลาดเกิดใหม่ทั่วโลกนั้นเริ่มมีการกำหนดน้ำหนักลงทุนเพิ่มขึ้นใน ไทย เกาหลีใต้ รัสเซีย และ จีน
• RAPAPORT รายงานในสัปดาห์ก่อนว่า FactorShares ได้ส่งโครงการถึง กลต.สหรัฐ เพื่อขอจัดตั้งและจำหน่ายกองทุน ETF รวม 3 กองทุนภายใต้ชื่อ PureFunds ได้แก่
1. PureFunds ISE Diamond/Gemstone ETF มีนโยบายลงทุนในบริษัทเหมืองเพ็ชร อัญญมณี และกิจการของผู้ค้าปลีก
2. PureFunds ISE Mining Service ETF มีนโยบายลงทุนในบริษัทสำรวจเพ็ชร/อัญญมณี
3. PureFunds ISE Junior Silver ETF มีนโยบายลงทุนในบริษัทเหมืองเงิน
ทั้งนี้ จะออกขายไอพีโอก่อนสิ้นปีนี้ โดยระบุว่า มีความต้องการเพ็ชรพลอยเพิ่มขึ้นสูงมากในปีก่อนๆ เนื่องจากผู้ลงทุนทั่วโลกต้องการลงทุนในสินทรัพย์จริง (Hard Assets) เพื่อเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย เพราะนักลงทุนเชื่อว่าค่าเงินสกุลต่างๆ จะลดลงไปอีกมาก
• ดัชนีภาคการผลิตของจีนในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นสู่ 49.8 จาก 49.2 ในเดือนก่อน แต่ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50 จุดเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของจีนยังหดตัวลง
• ธนาคารกลางญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในไตรมาส 3 ลดลงมาอยู่ที่ -3 จุด จากเดิม -1 จุดในไตรมาสก่อน โดยติดลบ 4 ไตรมาส ติดต่อกัน บ่งชี้ว่า ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ยังคงขาดความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต อันเป็นผลมาจากมุมมองเชิงลบที่มีต่อเศรษฐกิจจีน และยุโรป ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของญี่ปุ่น
• ยอดส่งออกเกาหลีใต้ในเดือน ก.ย.ลดลง 1.8% ซึ่งเป็นการลดลงเป็น 3 เดือนติดต่อกัน อันเป็นผลมาจากเงินวอนที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจส่งออก รวมทั้งยังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในยุโรป
• อัตราเงินเฟ้อในเดือน ก.ย.ของอินโดนีเซียอยู่ที่ 4.31% จาก 4.58% ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นการชะลอตัวครั้งแรกในรอบ 4 เดือน จากราคาอาหาร และการขนส่งที่ชะลอตัวลงหลังการเฉลิมฉลองในเทศกาลประจำชาติของอินโดนีเซียจบลง
• ยอดหนี้สาธารณะของไทย ณ สิ้นเดือน ก.ค.อยู่ที่ 44.19% ของ GDP เพิ่มขึ้นจาก 43.34% ในเดือนก่อน โดยอยู่ที่ 4,899,877 ล้านบาท หรือปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ 108,343 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น 64.60 พันล้านบาท และหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 60.89 พันล้านบาท
• อัตราเงินเฟ้อของไทยในเดือน ก.ย.ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.38% จาก 2.69% ในเดือนก่อน โดยเป็นผลมาจากหมวดพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 13.97% จากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าที่มีผลในเดือนที่ผ่านมา และระดับฐานที่ต่ำในปีก่อน ทั้งนี้ ก.พาณิชย์ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อในไตรมาส 4 จะอยู่ในช่วง 3.20% - 3.50% และทำให้ทั้งปีอยู่ในช่วง 3.00% – 3.40%
• ครม.มีกำหนดพิจารณารายละเอียดโครงการจำนาข้าวประจำปี ในวันนี้ โดยคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณรวม 400,000 ล้านบาท ซึ่งก.เกษตร ประเมินว่า จะมีข้าวเข้าโครงการจำนำประมาณ 23.5 ล้านตัน
เศรษฐกิจของไทยในเดือน ส.ค.
----------------------------------
1) ดัชนีอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 4.1% จากยอดขายรถที่ขยายตัวต่อเนื่อง
2) ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 14.2%
3) ดัชนีผลผลิตหดตัวลง 11.3% จากผลกระทบของการชะลอตัวในเศรษฐกิจโลก
4) ดัชนีรายได้เกษตรกรปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.8% จากผลผลิตที่ขยายตัว
5) ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 858 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 120 ล้านดอลลาร์ในเดือนก่อน จากการเกิดดุลการค้า 1,540 ล้านดอลลาร์
Equity Market
-----------------
• SET Index ปิดที่ 1,299.71 จุด เพิ่มขึ้น 0.92 จุด หรือ 0.07% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 31,103 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 860 ล้านบาท โดยดัชนีเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบ เนื่องจากยังคงไร้ปัจจัยบวกใหม่มาสนับสนุน รวมทั้งการที่ตลาดในภูมิภาคหลายแห่งปิดทำการ
• Marc Faber ยังคงยืนยันว่า มีโอกาส 100% ที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ซึ่งหุ้นจะได้รับผลกระทบจากการเทขายอย่างหนักในอนาคต
และแม้ว่า Faber จะชื่นชอบทองคำโดยจะไม่ยอมขายออกจากพอร์ตลงทุนของเขาเอง แต่เขาก็ระบุว่า ทองคำก็อาจจะได้รับผลกระทบด้วยการปรับฐานเช่นกันเพราะมีการขึ้นติดต่อกันมาระยะหนึ่งแล้ว
ทั้งนี้ เขามีมุมมองที่เป็นลบอย่างยิ่งต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น เนื่องจากคาดว่าตลาดกำลังจะเข้าสู่ภาวะปรับตัวของราคาที่จะทำให้เกิดความผิดหวังได้ เพราะเขาเชื่อว่าหุ้นในสหรัฐอาจลงมาได้ง่ายๆ ถึง 20% จากจุดสูงสุดที่ผ่านมานี้
อย่างไรก็ตาม Mark Faber ก็ไม่ได้เทขายทุกอย่างที่เขาลงทุนแล้วหันไปถือเงินสดแทน เขาระบุว่า ....
“ผมไม่ได้ถือเงินสด 100% เนื่องจากผมอาจคิดผิดก็ได้ แต่โดยทั่วไปแล้วผมเชื่อว่าคนที่ลงทุนในหุ้น ในทองคำ และในสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ในสัดส่วนสูงจะพบกับภาวะที่มีคนขายทำกำไรออกไปบ้าง
Fixed Income Market
-------------------------
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุมากกว่า 1 ปี มีการปรับตัวลดลงช่วงระหว่าง -0.03% ถึง -0.01% ขณะที่รุ่นอายุต่ำกว่า 1 ปีมีอัตราผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธปท. อายุ 1 3 6 และ 11 เดือน มูลค่ารวม 120,000 ล้านบาท
Guru Corner
---------------
• Marc Faber
เมื่อเงินเฟ้อเกิดขึ้น มันก็มีวันต้องจบสิ้นทุกครั้ง เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเมื่อไรฟองสบู่มันจะระเบิดเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อที่เกิดจากการบริโภคในยุค 1970`s ไม่ว่าราคาหุ้นใน Nasdaq ที่พุ่งกระฉูดในปี 2000 ไม่ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่บูมมากในช่วงปี 2007-2008 หรือฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์เมื่อไม่กี่ปีนี้ ทุกครั้งล้วนมีจุดจบ
แม้ว่าเงินทองจะหลั่งไหลไปสู่มือคนรวยๆ ในตลาดเงินตลาดทุน แต่มันก็ทำให้ผมนึกภาพออกเลยว่า ในวันหนึ่งข้างหน้า พวกที่ร่ำรวยเหล่านี้จะเจ็บปวดที่สุดจากการโดนเพิ่มภาษีอย่างหนัก ไม่เช่นนั้นก็จากการที่สินทรัพย์ที่มีอยู่มีราคาตกต่ำลงอย่างมาก
• Jim Rogers
Jim Rogers เขียนหนังสือ A Gift to My Children: A Father's Lessons for Life and Investing เพื่อเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแก่ลูกเล็กๆ ของเขาไว้อ่านในอนาคต โดยระบุเรื่องที่มีคุณค่าหลายอย่าง เช่น
“จงรับรู้ความเปลี่ยนแปลงและสนองตอบ คนที่ปรับตัวไม่ได้จะสูญเสีย ส่วนคนที่ปรับตัว และสนองตอบได้ดีจะได้รับประโยชน์”
“การลงทุนที่ประสพผลสำเร็จคือการเข้าไปลงทุนก่อนใครในขณะที่ยังมีราคาถูก ในขณะที่ทุกอย่างดูแย่ไปหมด และในยามที่ทุกคนรู้สึกท้อถอย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น