หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 8/10/55

General News
-----------------



• สเปนคงไม่สามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณปี 2555 ตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรป (EU) ได้ จึงอาจต้องพิจารณามาตรการเพิ่มเติมซึ่งหมายถึงต้องลดการใช้จ่ายลงอีก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดโดย EU

• ยอดสั่งซื้อภาคอุตสาคกรรมของเยอรมนีเดือน ส.ค.ลดลง 1.3% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอดสั่งซื้อภายในประเทศลดลง ขณะที่ยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศทรงตัว แม้ว่าอุปสงค์จากประเทศอื่นๆ ในกลุ่มยูโรโซนจะเพิ่มขึ้น 

• ฝรั่งเศสลดคาดการณ์ขยายตัวของ GDP ปีนี้ลงสู่ 0.2% เนื่องจากกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมซบเซาและการบริโภคอ่อนแอ และมีแนวโน้มจะชะงักงันเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลพรรคสังคมนิยมให้ตระหนักถึงคำมั่นเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจในปีหน้า ซึ่งคาดว่ารัฐบาลจะหาทางกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวในระดับ 0.8% 

• รัฐบาลฝรั่งเศสมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายมาตรการปรับขึ้นภาษีสำหรับธุรกิจขนาดย่อมในปีงบประมาณ 2556 หลังจากที่ผู้ประกอบการจำนวนมากพากันออกมาคัดค้าน อย่างไรก็ตาม คาดว่ารัฐบาลอาจปรับปรุงงบประมาณใหม่เพื่อควบคุมยอดขาดดุลงบประมาณให้อยู่ในระดับเป้าหมายที่ 3% เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือในสายตาของตลาดและประเทศอื่นๆ ในยูโรโซน 

• ยูโรโซนกำลังพิจารณาให้ความช่วยเหลือสเปนด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสเปน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และเพื่อช่วยให้สเปนระดมทุนจากตลาดทุนได้ต่อไป โดยลดการใช้เงินของผู้เสียภาษีชาวยุโรปให้เหลือน้อยที่สุด โดยจะใช้เงินราว 5 หมื่นล้านยูโรต่อปี

• นายกรัฐมนตรีกรีซ เปิดเผยว่า หลังเดือน พ.ย. กรีซไม่สามารถบริการประเทศได้หากไม่ได้รับเงินช่วยเหลืองวดถัดไป เนื่องจากเงินจะหมดคลังในเดือนพ.ย.นี้ ทั้งนี้ ECB อาจช่วยเหลือกรีซด้วยการยอมรับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงสำหรับการถือพันธบัตรที่กรีซมีอยู่ หรืออนุมัติการยืดเวลาไถ่ถอนพันธบัตรเมื่อพันธบัตรเหล่านั้นครบกำหนดไถ่ถอน

• ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 114,000 ตำแหน่ง โดยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะครอบคลุมการจ้างงานภาครัฐด้วย ส่วนอัตราการว่างงานเดือน ก.ย. ลดลงมาอยู่ที่ 7.8% จากระดับ 8.1% ในเดือน ส.ค. 

ทั้งนี้ มีข้อถกเถียงกันมากระหว่างภาคการเมืองต่างค่ายกัน (Democrat vs. Republican) และนักวิเคราะห์กับกูรูในภาคการเงินการลงทุน ที่มีทั้งผู้สนับสนุนข้อมูลนี้กับผู้ปฏิเสธว่าข้อมูลนี้ไม่สะท้อนภาพจริง เนื่องจากผู้ที่ว่างงานมานานมากได้ถอดใจออกไปจากระบบข้อมูลไปอยู่บ้าน ตัวเลขนี้จึงไม่ได้รวมผู้ว่างงานที่ออกจากระบบไปแล้ว ทำให้อัตราว่างงานลดลง

• ยอดขายรถยนต์โตโยต้าในประเทศจีนเดือน ก.ย.ลดลงกว่า 40% สะท้อนว่าแบรนด์สินค้าญี่ปุ่นได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุพิพาทเรื่องดินแดนระหว่าง 2 ประเทศ นับตั้งแต่เกิดเหตุประท้วงรุนแรง ส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัท เพราะจีนเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่ค่ายรถยนต์คู่แข่งอย่างฮุนไดมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 15%

• ดัชนีพ้องเศรษฐกิจ (Index of Coincident Indicators) ของญี่ปุ่นในเดือน ส.ค.ลดลง 0.2 จุด จากเดือนก.ค. ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 (ดัชนีนี้ใช้เป็นมาตรวัดสภาพเศรษฐกิจอย่างหนึ่งในปัจจุบันที่ครอบคลุมถึงการผลิต ยอดค้าปลีก และอัตราการนำเสนอตำแหน่งงานใหม่)

• ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในช่วง 0.0%-0.1% และคงขนาดของแผนซื้อสินทรัพย์ไว้ที่ 80 ล้านล้านเยน แต่ได้ลดการประเมินทางเศรษฐกิจลง เนื่องจากมองว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังชะลอลง ขณะที่การส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมค่อนข้างอ่อนแอ รวมถึงเศรษฐกิจในต่างประเทศปรับตัวลงสู่ช่วงที่ตกต่ำ

• ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นเดือน ก.ย.ขยายตัว 0.3% จากเดือน ส.ค. สู่ 1.277 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยมีเหตุจากพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศที่ถือครองมีมูลค่าสูงขึ้น รวมถึงการแข็งค่าของเงินยูโรทำให้สินทรัพย์สกุลเงินยูโรที่ถือครองอยู่มีมูลค่าสูงขึ้น และจากราคาทองคำที่เพิ่มขึ้น 

• ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ทำสถิติสูงสุดในเดือน ก.ย.ที่ 3.2201 แสนล้านดอลลาร์ จากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่สกุลเงินดอลลาร์ และผลตอบแทนจากการลงทุนที่ขยายตัว

• ยอดการส่งออกของมาเลเซียในเดือน ส.ค. ลดลง 4.5% ต่อปี เนื่องจากอุปสงค์ในกลุ่มยูโรโซน จีน และอินเดีย อ่อนตัวลง โดยมีการลดลงในการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิก และไฟฟ้า

Equity Market
-----------------



• SET Index ปิดที่ 1,311.35 จุด เพิ่มขึ้น 4.42 จุด หรือ 0.36% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38,003.48 ล้านบาท โดยดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตามตลาดต่างประเทศ และจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด

Fixed Income Market
--------------------------



• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวช่วงระหว่าง 0.00% ถึง 0.01% มูลค่าซื้อขายรวม 108,223 ล้านบาท 

Guru Corner
---------------



• Jim Roger 

“ผมเริ่มเข้าไปทำงานในธุรกิจจัดการลงทุนใน Wall Street ปี 1968 ด้วยเงินเพียง 600 ดอลลาร์ในกระเป๋า ผมออกจากที่นั่นเมื่ออายุ 37 พร้อมเงินมากพอที่จะผจญภัยด้วยตนเองได้”

• Marc Faber 


มุมมองต่อเศรษฐกิจไทย
--------------------------


- ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีโอกาสเกิดฟองสบู่ให้เห็นในบางส่วน เช่นที่เชียงใหม่ ซึ่งมีราคาปรับขึ้นมามากจนอาจเป็นฟองสบู่ได้ แต่ฟองสบู่นี้จะยังไม่แตกทันทีทันใด ส่วนในกรุงเทพตอนนี้ยังไม่เห็นว่าจะเป็นฟองสบู่ อย่างไรก็ตาม อสังหาริมทรัพย์ไทยมีหลายภาคส่วนซึ่งอาจเป็นอย่างสหรัฐคือบางแห่งเป็นฟองสบู่แต่บางแห่งไม่เป็น ทั้งนี้ หากมองโดยรวมแล้ว อสังหาริมทรัพย์ไทยยังไม่เป็นฟองสบู่ แต่ฟองสบู่เดียวที่เห็นในไทยคือ “หนี้ภาครัฐ”

- เศรษฐกิจไทยจะไม่ขยายตัวได้ดีเหมือนที่เคยเป็น แต่ที่วันนี้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากนั้นส่วนหนึ่งมาจากรัฐบาลที่เข้าไปแทรกแซงเศรษฐกิจ เช่น โครงการรับจำนำข้าว และการคืนภาษีรถยนต์คันแรกซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายรถเพิ่มขึ้น 

- การส่งออกของไทยยังอ่อนแอและจะยังไม่ขยายตัวมากนัก เพราะตลาดสำคัญอย่างยุโรปอยู่ในภาวะตกต่ำ ผู้คนเดินทางมาเที่ยวน้อยลง และไทยเองก็มีคู่แข่งอย่าง พม่า เวียดนาม ลาว และ กัมพูชา ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ไทยยากลำบากมากขึ้นในการทำให้ประเทศเกิดกิจกรรมเศรษฐกิจที่ช่วยให้อัตราเติบโตสูงได้ 

- จากนี้ไปการเติบโตในเอเชียโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3%-4% ซึ่งก็ยังดีกว่าสหรัฐ ยุโรป หรือญี่ปุ่นซึ่งแทบจะไม่เติบโตเลย โดยที่สหรัฐนั้นในช่วง10 ปีข้างหน้าจะขยายได้อย่างมากแค่ 2% เท่านั้น


มุมมองต่อพอร์ตลงทุนทั่วโลกโดยรวม
-----------------------------------------


- ผมมีเงินสดเพิ่มขึ้นมากในวันนี้ เพราะผมขายสินทรัพย์ออกไปในช่วงที่ตลาดทะยานขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ผมอยากมีเงินสดสัก 20% เพราะภายใน 6-9 เดือนข้างหน้า เราน่าจะซื้ออะไรได้ในราคาที่ลดลงจากวันนี้สัก 20%

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น