หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 22/2/56

General News
-------------------



• ความหวังที่ว่ายูโรโซนอาจจะฟื้นตัวจากภาวะถดถอยในไม่ช้านี้ต้องหยุดชะงัก เมื่อผลสำรวจของ Markit แสดงให้เห็นว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นภาคการผลิตของยูโรโซนในเดือน ก.พ.ลดลง สู่ 47.8 จาก 47.9 ในเดือน ม.ค.

เช่นเดียวกับดัชนี PMI เบื้องต้นภาคบริการที่หดตัวลงแตะ 47.3 จาก 48.6 ในเดือนก่อน ซึ่งข้อมูลที่ย่ำแย่ลงดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูล PMI เบื้องต้นของประเทศขนาดใหญ่ในภูมิภาคอย่างฝรั่งเศส ที่มีดัชนี PMI ภาคบริการหดตัวลงมากที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี

• ฝรั่งเศสได้รับแรงกดดันให้ลดงบรายจ่ายภาครัฐลง เพื่อแสดงว่ายังคงมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูฐานะการคลัง เนื่องจากในบรรดาประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) นั้น ฝรั่งเศสมีสัดส่วนงบรายจ่ายภาครัฐต่อ GDP สูงเป็นที่ 2 รองจากเดนมาร์ก

อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดี ออลลองด์ กล่าวว่า ถึงแม้รัฐบาลฝรั่งเศสจำเป็นต้องควบคุมฐานะการเงินของตน แต่จะไม่ดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดเพิ่มเติมอีก เพราะอาจจะซ้ำเติมเศรษฐกิจให้อ่อนแอลงไปอีก

• สำนักงานบริการทางการเงิน (FSA) ของอังกฤษ ระบุว่า ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า FSA จะเปิดเผยรายงานทบทวนภายในเรื่องการปั่นอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร ณ ตลาดลอนดอน (Libor) ซึ่งจะระบุว่า FSA รับรู้เรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อใด

ทั้งนี้ ธนาคารของอังกฤษ 2 แห่ง(บาร์เคลยส์ และ รอยัลแบงก์ออฟสก็อตแลนด์) ถูกปรับในคดีปั่นอัตราดอกเบี้ย Libor ดังกล่าวไปแล้ว

• ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ก.พ. เพิ่มขึ้น 20,000 ราย สู่ 362,000 ราย

บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 350,000 - 355,000 ราย ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 360,750 ราย

• นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น เตรียมพบกับประธานาธิบดีบารัก โอบามา ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐในวันที่ 22 ก.พ. เพื่อหนุนประเทศพันธมิตรหลักของตนให้เป็นเกราะคุ้มกันความขัดแย้งในอำนาจอธิปไตยกับจีนและการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

ทั้งนี้ เจฟฟ์ คิงสตัน ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเทมเปิลในกรุงโตเกียว กล่าวว่า ชินโสะ อาเบะ ต้องการพัฒนาสัมพันธภาพที่ดีกับประธานาธิบดีโอบามา และต้องการให้ชาวญี่ปุ่นเห็นว่าเขาเป็นคนคุมสถานการณ์ ขณะที่สหรัฐต้องการย้ำให้เห็นความเป็นพันธมิตรของสองประเทศยังคงเหนียวแน่น แต่ก็ไม่ต้องการเข้ามามีบทบาทมากเกินไปจนอาจกลายเป็นการยั่วยุรัฐบาลจีน

• ผลสำรวจของ รอยเตอร์ พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือน ก.พ. และมีแนวโน้มว่าจะมีค่าเป็นบวกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งหนุนการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นอันเนื่องจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า

อย่างไรก็ตาม บริษัทต่างๆยังคงระมัดระวังต่อสภาวะธุรกิจที่ฟื้นตัวอย่างไม่ต่อเนื่อง

• คณะรัฐมนตรีจีน รายงานว่า จีนจะยังคงดำเนินการพร้อมปรับปรุงมาตรการควบคุมตลาดที่อยู่อาศัยอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง

• สมาคมเหล็กกล้าโลก เปิดเผยว่า การผลิตเหล็กกล้าดิบของโลกในเดือน ม.ค.ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายปี ไปอยู่ที่ 124.8 ล้านตัน เนื่องจากผลผลิตที่สูงขึ้นจากประเทศผู้ผลิตรายหลักๆ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และเยอรมัน

• นายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ของกัมพูชา เปิดเผยว่า เศรษฐกิจกัมพูชาในปีก่อนขยายตัวในอัตราเร่งถึง 7.3% จากปัจจัยหนุนในภาคการเกษตร การท่องเที่ยว และสิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และคาดว่าในระยะกลางจะเติบโตเกิน 7%

• ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ธปท.จะรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่ให้ต่ำจนเกินไป เพื่อดูแลระดับราคาสินทรัพย์ พร้อมยอมรับว่า ขณะนี้เห็นการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ในบางพื้นที่ของประเทศ เช่น ขอนแก่น แต่ยังไม่ได้เป็นปรากฏการณ์ทั้งระบบ

• ส.อ.ท. รายงานว่า ยอดขายรถยนต์ทั้งระบบของไทยในเดือน ม.ค. เติบโต 63.36% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้า แต่ลดลง 13.04% จากเดือน ธ.ค.

ทั้งนี้ ส.อ.ท.คาดการณ์ว่า ปีนี้ยอดผลิตรถยนต์ของไทยจะทำได้อย่างต่ำ 2.5 ล้านคัน โดยผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ1.4 ล้านคัน และผลิตเพื่อส่งออก 1.1 ล้านคัน ขณะที่ปีที่ผ่านมาไทยมีการผลิตรถยนต์ 2.45 ล้านคัน

Equity Market
-----------------



• SET Index ปิดที่ 1,528.74 จุด ลดลง 17.90 จุด หรือ 1.16% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 60,365 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 715 ล้านบาท

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นได้ปรับตัวลง เนื่องจากได้รับปัจจัยกดดันจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ซึ่งอาจจะยุติมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ก่อนกำหนด กับเรื่องที่จีนจะปรับปรุงมาตรการควบคุมตลาดที่อยู่อาศัยอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง

ส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลต่อการลงทุน โดยมีแรงขายในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มพลังงาน และกลุ่มแบงก์ออกมามาก

• Adrian Mowat นักกลยุทธ์ของ เจพี มอร์แกน ระบุว่า ตลาดหุ้นของตลาดเกิดใหม่มีโอกาสปรับฐานค่อนข้างแรง เนื่องด้วยปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่กำลังอ่อนแอ

สะท้อนได้จากมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดเกิดใหม่ถึง 62% ที่มีรายได้ในไตรมาส 4/2012 น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เทียบกับบริษัทจดทะเบียนในดัชนี MSCI World ที่มีรายได้เกินเป้าถึง 65%

และตั้งแต่ต้นปี 2013 ที่ผ่านมา ดัชนี MSCI Emerging Markets ขาดทุนไปประมาณ 1.3% นำโดยกลุ่มส่งออกของเกาหลีใต้ กลุ่มพลังงานและสื่อสารของจีน ขณะที่ ดัชนี MSCI World ของกลุ่มประเทศพัฒนามีผลบวก 3.3% ซึ่งได้แรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิเช่น นโยบายเชิงรุกของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น

Fixed Income Market
-------------------------



• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในตราสารอายุคงเหลือน้อยกว่า 5 ปี ประมาณ 0.01%

ทั้งนี้ ข่าวการหยุดหรือชะลอมาตรการ QE ก่อนกำหนดของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ยังไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ไทยมากนัก โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงเน้นการซื้อขายในตราสารหนี้ระยะสั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น