General News
------------------
• S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 2 ขั้นสู่“BBB-“ จาก “BBB+” ซึ่ง อยู่เหนือระดับขยะเพียง 1 ขั้นเท่านั้น พร้อมกับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ ระยะสั้นจากระดับ “A-2” เป็น “A-3” ด้วยมุมมอง “เชิงลบ” เนื่องจาก
1.) เศรษฐกิจสเปนประสบภาวะถดถอยอย่างต่อเนื่อง
2.) อัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับสูงที่สุดในกลุ่มยูโรโซน
3.) ระดับหนี้สาธารณะมีโอกาสเพิ่มขึ้นสูงกว่า 100% ของ GDP ในช่วงระหว่างปี ทำให้ทางเลือกในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลเป็นไปอย่างจำกัด
4.) นโยบายของกลุ่มยูโรโซนในการให้ความช่วยเหลือแก่สเปนยังขาดทิศทางที่ชัดเจน
• IMF ระบุว่า สเปนกำลังเผชิญกับภาวะกระแสเงินทุนไหลออก โดยในช่วง มิ.ย.2554 -มิ.ย.2555 กระแสเงินทุนไหลออกจากสเปนมีมูลค่าถึง 2.96 แสนล้านยูโร ซึ่งหากไม่ดำเนินการปฏิรูปโดยเร็ว วิกฤตหนี้อาจรุนแรงกว่านี้และกระแสเงินทุนไหลออกจะเพิ่มมากขึ้น
• อัตราว่างงานของกรีซในเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสู่ 25.1% จาก 24.8% ในเดือนมิ.ย. โดยตลาดแรงงานได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจถดถอยและมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล
• Fitch Rating ปรับลดมุมองอันดับความเชื่อถือของภาค ธ.พาณิชย์โปรตุเกสสู่ “เชิงลบ” ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ เนื่องจากสถานะเงินทุนและการระดมเงินฝากยังคงอยู่ในระดับเสี่ยง ประกอบกับควาสามารถในการทำกำไรที่ย่ำแย่
• สถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำ 4 แห่งของเยอรมนี ได้แก่ Ifo, Kiel Institutes for World Econmy (IfW), Halle Institute for Economic Research (IWH) และ Rhine-Westphalia Institute of Economic Research (RWI) ปรับลดประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจเยอรมนีในปีนี้เท่ากับ 0.8% และ ปี 2556 เท่ากับ 1.0% จากเดิม 0.9% และ 2.0% ตามลำดับ โดยระบุว่า เยอรมนีมีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเนื่องจากวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซนกำลังบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
• ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของฝรั่งเศสในเดือน ก.ย.ลดลง 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากสินค้าในภาคบริการโดยเฉพาะการสื่อสารและการขนส่งรวมถึงเชื้อเพลิงมีราคาลดลง
• คริสติน ลาการ์ด ผอ. IMF ไม่เห็นด้วยกับมาตรการรัดเข็มขัดเนื่องจากส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยระบุว่า ทางแก้ปัญหาที่เหมาะสมกว่าคือให้เวลากับประเทศที่มีปัญหา เช่น กรีซ กับ เสปน เพื่อที่จะดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายด้านการคลัง
• FED รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจใน Beige Book ว่า เศรษฐกิจสหรัฐ “ขยายตัวเล็กน้อย" ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดย
1.) กิจกรรมด้านการบริโภคทั้งการใช้จ่ายและยอดค้าปลีกโดยทั่วไปทรงตัวถึงขยายตัวเล็กน้อย
2.) ภาคการผลิตดีขึ้นเล็กน้อย
3.) ภาคอสังหาริมทรัพย์ด้านที่พักอาศัยปรับตัวดีขึ้น ทั้งความต้องการซื้อบ้านและราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น
• ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์สิ้นสุด 6 ต.ค. ลดลง 30,000 ราย มาอยู่ที่ 339,000 ราย ดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 370,000 ราย
• ยอดขาดดุลการค้าและบริการของสหรัฐในเดือน ส.ค.เท่ากับ 4.422 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยการส่งออกลดลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.พ.ปีนี้ และราคาพลังงานที่สูงขึ้นกับการนำเข้าเครื่องบินและรถยนต์ได้ส่งผลให้ตัวเลขการนำเข้าเพิ่มขึ้น
• ธ.กลางบราซิล ลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ะดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.25% เนื่องจากกังวลในสถานการณ์เศรษฐกิจภายนอกประเทศ แต่ส่งสัญญาณเตือนว่าวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงินของบราซิลกำลังจะสิ้นสุดลง เนื่องจากแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศมีสัญญาณฟื้นตัว
• ธ.กลาง ญี่ปุ่น (BOJ) ระบุว่า ความคืบหน้าด้านเศรษฐกิจและราคาสินค้าผู้บริโภค "อ่อนแอลง" และระยะเวลาที่เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวในระดับปานกลางได้นั้นอาจจะ "เป็นไปอย่างล่าช้าอย่างมาก" จึงต้องใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม
• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่นในเดือน ก.ย.ลดลงสู่ 40.1 จาก 40.5 ในเดือนส.ค. เนื่องจากชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าตลาดแรงงานจะย่ำแย่ลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
• ธ.กลางเกาหลีใต้ (BOK) ลดแนวโน้มการเติบโตของ GDP ปีนี้ลงสู่ 2.4% (ประเมินเมื่อเดือน ก.ค.ไว้ 3%) และลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาที่ 2.75% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากภาคส่งออกได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกและยุโรป
ทั้งนี้ แคปิตอลอิโคโนมิกส์ คาดว่า BOK จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง
• ธ.กลางอินโดนิเซีย คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.75% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบที่ควบคุมได้ และคาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 6.1%–6.5% แม้ว่าอุปสงค์ภายในประเทศยังคงอยู่ในระดับกว่าที่คาด
• โตโยต้าเรียกคืนรถยนต์รุ่น แคมรี โคโรลล่า วีออส และ ยาริส ที่ผลิตในไทยระหว่างปี เพื่อตรวจสอบสวิตซ์ควบคุมกระจกไฟฟ้าด้านคนขับ
Equity Market
-----------------
• SET Index ปิดที่ 1,294.90 จุด เพิ่มขึ้น 5.55 จุด หรือ 0.43 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50,458.92 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 975.24 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนตามตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มพลังงานและธนาคาร
• มอร์แกน สแตนเลย์ คาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทในภูมิภาค ASEAN ในไตรมาส 3 จะเติบโต 16.2% จากปีที่ผ่านมา โดยบริษัทของไทยจะมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งมากที่สุดที่ 34.6% นำโดยกลุ่มสถาบันการเงินและพลังงาน ตามมาด้วยมาเลเซียที่ 19.3% และอินโดนิเซียที่ 17.5% ซึ่งกลุ่มอุตสาหกกรมที่น่าสนใจในการลงทุนได้แก่ สถาบันการเงินของไทย และกลุ่มพาณิชย์ของสิงคโปร์
Fixed Income Market
-------------------------
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอยู่ในช่วงระหว่าง -0.02% ถึง 0.00% โดยการซื้อขายส่วนใหญ่อยู่ในในตราสารระยะสั้น - กลาง สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธปท. อายุ 14 วัน วงเงิน 45,000 ล้านบาท
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีอายุ 3 ปี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.86% จาก 2.75% ในการประมูลครั้งก่อนหน้า โดยได้รับแรงกดดันจากการที่สเปนถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ
Gold Corner
--------------
• การส่งออกทองคำของฮ่องกงไปยังจีนในเดือน ส.ค. ลดลง 29% สู่ 53.508 ตัน แต่ยังคงเพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปี 2554 โดยคาดการณ์ว่า ในปีนี้จีนจะกลายเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลกแทนอินเดีย ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงและการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำจะส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อทองของผู้บริโภคก็ตาม
Guru Corner
---------------
• Marc Faber
“ความสำเร็จในชีวิตมีได้หลายเรื่อง การประสบผลสำเร็จด้านการเงินเป็นเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่จะเป็นความสำเร็จในชีวิตเราได้ ถ้าเรามีชีวิตครอบครัวที่เป็นสุขและเป็นพ่อที่ดี เราก็เป็นผู้ประสพความสำเร็จในชีวิต ถ้าเราสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ มันก็เป็นความสำเร็จในชีวิตเช่นกัน
ทุกวันนี้สังคมให้น้ำหนักกับเรื่องเงินมากไป ไปวัดชีวิตที่ประสพความสำเร็จที่เงิน ที่บ้านหลังใหญ่ ที่รถ 3 คัน ที่การได้หยุดไปพักผ่อนได้อย่างหรูหรา และที่การดำรงชีวิตอย่างเลอเลิศ
ที่จริงแล้วสิ่งเหล่านั้นเป็นอาการของความสำเร็จอันจอมปลอม
การเรียนสูงๆ ไม่ได้สำคัญอะไรเลย ถ้าพ่อแม่ผมส่งให้ผมเรียนได้ผมก็จะเรียน ถ้าต้องกู้หนี้ยืมสินไปร่ำเรียนผมก็ไม่แน่ว่าจะเอา แต่ผมจะพยายามอย่างสุดกำลังที่จะไปทำงานกับคนที่เขาประสพความสำเร็จ เพื่อหาความรู้จากเขาจะดีกว่า
และไม่ว่าจะทำอะไร ขอให้ทำด้วยหัวใจ ทำด้วยความรักและหลงไหลในสิ่งที่ทำให้มากๆ เพราะถ้าเราทำในสิ่งที่เรารักมากๆ เราจะทำมันได้ดีกว่าทำไปเพียงเพราะมันเป็นหน้าที่
ผมเชื่อว่ามีโอกาสมากมายในทุกๆ เรื่องที่จะทำให้เราประสพความสำเร็จในชีวิตได้”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น