General News
------------------
• Fitch คงมุมมองความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสที่ เชิงลบ สะท้อนถึงภาวะซบเซาของเศรษฐกิจในช่วง 12 เดือนก่อนและมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไป โดยส่งสัญญาณว่าอาจจะลดอันดับอีกในเร็วๆ นี้
• ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นสู่ 102.4 จาก 101.4 ในเดือน พ.ย. โดยปรับขึ้น 2 เดือนติดกัน บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคธุรกิจขยายตัวดีขึ้น และเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปที่ยังปรับตัวได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ ในยูโรโซน ท่ามกลางวิกฤตหนี้ของภูมิภาค
• ธนาคารขนาดใหญ่ของสเปนชื่อ บังโกซานแทนเดอร์ จะปิด 700 สาขา หลังจากควบรวมกิจการกับธนาคารขนาดเล็กชื่อ บาเนสโต้ กับ บานิฟ เพื่อประหยัดต้นทุนดำเนินงานได้ 520 ล้านยูโรในอีก 3 ปีข้างหน้า ตามแผนปรับโครงสร้างภาคธนาคารหลังเกิดปัญหาในระบบสถาบันการเงินของสเปน จนต้องขอกู้เงินจากสหภาพยุโรป
• จำนวนบ้านสร้างใหม่เดือน พ.ย.ของสหรัฐลดลง 3% สู่ 861,000 ยูนิต จากเดิม 888,000 ยูนิต ในเดือน ต.ค. ส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่มั่นคง
• ธนาคารโลก วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียยังคงสดใส โดยคาดว่าเอเชียตะวันออกจะขยายตัว 6.6% ในปี 2556 และ 5.8% ในปี 2557 แต่ยังแนะให้จับตามองกระแสเงินทุนที่อาจไหลเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น หลังจากที่ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะฟองสบู่และการขยายตัวของสินเชื่อที่มากเกินไปก็ได้
• ยูเอ็น รายงานว่า เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียลดลงอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากแรงขับเคลื่อนในภูมิภาค ได้แก่ จีนและอินเดีย ชะลอตัวลงอย่างมากในด้านการส่งออก แต่ในปีหน้า คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.2% จาก 5.8% ในปีนี้ ส่วน GDP ในเอเชียใต้ คาดว่าจะอยู่ที่ 5% โดยเฉลี่ยในปีหน้า เพิ่มจาก 4.4% ในปี 2555
• ยอดขาดดุลการค้าของญี่ปุ่นเดือน พ.ย. อยู่ที่ 9.534 ล้านเยน ขาดดุล 5 เดือนติดกันเนื่องจากยอดส่งออกไปจีนและยุโรปยังคงลดลง โดยส่งออกไปจีนหดตัวลงถึง 8.587 แสนล้านเยน ส่วนยอดส่งออกไปยังสหภาพยุโรปหดตัวลง 5.016 แสนล้านเยน
• โตโยต้าเตรียมลดเป้าหมายผลิตรถยนต์ทั่วโลกในปีหน้าลงสู่ 9.9 ล้านคัน จาก 10 ล้านคัน เนื่องจากคาดว่ายอดขายรถยนต์ในตลาดจีนจะซบเซาลง จากสถานการณ์ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด
• โตชิบาจะลดฐานผลิต การตลาด และบริการในญี่ปุ่นและต่างประเทศลง 30% จาก 1,400 แห่งในเดือน มี.ค. 2556 สู่ 1,000 แห่งในปี 2559 ด้วยการรวมฐานที่ทับซ้อนเข้าด้วยกันโดยไม่ให้กระทบต่อบัญชีเงินเดือนพนักงาน ทั้งนี้ คาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่าย 3 ปี ได้ 5 หมื่นล้านเยน
• ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 7 ขั้น โดยลดอัตราสูงสุดจากร้อยละ 37 ลงเหลือร้อยละ 35 เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการกระจายรายได้มากขึ้นและให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงปิดช่องโหว่ในการหลีกเลี่ยงภาษี ทั้งนี้ ยังไม่มีรายละเอียดเรื่องค่าลดหย่อนที่อาจลดลง จึงไม่อาจประเมินผลกระทบได้
Equity Market
-----------------
• SET Index ปิดที่ 1,378.40 จุด เพิ่มขึ้น 15.46 จุด หรือ +1.13% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 44,673.31 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,735.32 ล้านบาท
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังได้รับปัจจัยบวกจากต่างประเทศเรื่องผลการเลือกตั้งในญี่ปุ่น (ทำให้คาดกันว่าน่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังจากแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่) รวมถึงปัจจัยบวกในประเทศเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้ใหม่ ทำให้หลักทรัพย์กลุ่มค้าปลีกปรับเพิ่มขึ้นนำตลาดเพราะคาดว่าคนจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น
• มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก บริจาคหุ้นเฟซบุ๊ค 18 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 498.8 ล้านดอลลาร์หรือราว 15,500 ล้านบาท ให้แก่องค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหากำไรในซิลิคอน แวลลีย์
Fixed Income Market
--------------------------
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงในช่วง -0.04% ถึง 0.01% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท.อายุ 2 ปี วงเงิน 30,000 ล้านบาท
• ธนาคารยูบีเอส ตกลงจ่ายค่าปรับ 1.53 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้ยุติการสอบสวนของฝ่ายกำกับดูแลด้านการเงินของสหรัฐ สวิตเซอร์แลนด์ และ อังกฤษ เรื่องเทรดเดอร์ของยูบีเอสปั่นอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร ณ ตลาดลอนดอน (Libor) สกุลเยน และ สัญญายูโร
Guru Corner
----------------
•Paul Krugman เขียนใน Blog ของเขาว่า “การตัดลดงบประมาณสวัสดิการสังคมเป็นนโยบายที่โหดร้ายและงี่เง่า แม้จะไม่เท่ากับการเพิ่มอายุคนที่จะเริ่มได้ประโยชน์จาก Medicare
เราหวังว่าจะได้เห็น Obama เสนอนโยบายลดภาษีชนชั้นกลางลง แต่ไม่เลย สิ่งที่เขาเสนอคือไม่ขยายอายุสวัสดิการคนว่างงาน ซึ่งเป็นเรื่องใจดำและโง่มากอีกเรื่องหนึ่ง และไม่มีการเสนองบประมาณโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ
ข้อเสนอของ Obama เพื่อให้อเมริกาพ้นจาก Fiscal Cliff จึงไม่ต่างจากที่เคยเป็น ในเมื่อไม่ได้เก็บภาษีให้คนรวยกลุ่มที่ 2 เพิ่มขึ้น แค่เพียงไปเพิ่มภาษีคนรวยกลุ่มบนสุดที่มีเงินได้ $400,000 ขึ้นไปเท่านั้น
การจะเก็บภาษีจากเงินปันผลเท่ารายได้ปกติทั่วไป กับเก็บภาษีจาก Capital Gain ที่ 20% จากเดิมที่ George W. Bush เคยลดลงชั่วคราวเหลือ 15% และจะครบกำหนดสิ้นปีนี้ มันก็แค่กลับไปเท่าเดิมในสมัยก่อน Bush จะลดลงให้ชั่วคราวเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรต่างเลย
จริงอยู่ที่รายได้จะเพิ่มขึ้น แต่ผมไม่ได้คิดเรื่องรายได้เท่ากับความมั่นคงทางสังคมที่ผมเห็นว่าสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด และการไม่ต่ออายุลดภาษี Payroll Tax มันก็คือการตัดลดสวัสดิการสังคมนั่นเอง
นอกจากนี้ การเปลี่ยนวิธีคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI --- ใช้วัดเงินเฟ้อ) ที่จะนำมาปรับเพิ่มการจ่ายบำนาญชราภาพให้ทันเงินเฟ้อนั้น จะทำให้เงินสวัสดิการบำนาญลดลงในอนาคต ซึ่งเป็นการทำร้ายคนแก่ในสังคมของเรา
ผมจึงไม่รู้สึกในเชิงบวกต่อข่าวที่ว่า Fiscal Cliff น่าจะตกลงกันได้ และผมจะไม่รามือ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น