หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 21/12/55

General News
-----------------



• ธ.กลางยุโรป (ECB) อนุญาตให้ใช้พันธบัตรรัฐบาลกรีซเป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อจาก ECB ได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดและเปิดช่องทางเข้าถึงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ธนาคารของกรีซ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลกรีซอายุ 10 ปี ลดลงเหลือ 11.649%

• ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน พ.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน ต.ค. แต่เพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย.ปีก่อน บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่ยังคงอ่อนแอของผู้บริโภคอังกฤษ และโอกาสที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงไปอีกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มีเพิ่มขึ้น

• GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐขยายตัว 3.1% จากการประมาณการครั้งที่ 3 ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนหน้าที่ 2.7% เนื่องมาจากการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลและยอดการส่งออกขยายตัวได้ดีเกินคาด รวมไปถึงการลงทุนก่อสร้างของรัฐบาลท้องถิ่นที่เพิ่มสูงขึ้น

• จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 ธ.ค. ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 17,000 ราย มาอยู่ที่ 361,000 ราย อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 4 สัปดาห์กลับเป็น 367,750 ราย ซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน ต.ค.ซึ่งนับว่ายังคงเป็นสัญญาญที่ดีต่อตลาดแรงงานของสหรัฐ

• บารัค โอบามา เตรียมใช้สิทธิ์ยับยั้งข้อเสนอ “แผนสอง" ในการแก้ Fiscal Cliff ของจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ที่ให้ขยายมาตรการลดภาษีในสมัยของ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ให้ครอบคลุมครัวเรือนที่มีรายได้ไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์ รวมถึงให้ยกเลิกเพดานภาษีสำหรับครัวเรือนที่มีรายได้สูงกว่า 1 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่โอบามาระบุล่าสุดว่า จะยอมรับข้อตกลงเพิ่มภาษีผู้ที่มีรายได้ต่อปีสูงกว่า 400,000 ดอลลาร์ จากเดิมที่เป็น 250,000 ดอลลาร์

• Fitch Ratings เตือนว่า สหรัฐอาจสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA หากล้มเหลวในการหลีกเลี่ยงภาวะ Fiscal cliff ซึ่งจะทำให้การดำเนินโยบายการคลังเกิดความไม่แน่นอนมากขึ้นจนอาจบั่นทอนแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะกลาง และทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐต้องเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยไม่จำเป็น

• ธ.กลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0-0.10% พร้อมขยายวงเงินซื้อสินทรัพย์อีก 10 ล้านล้านเยน เป็น 101 ล้านล้านเยน จากเดิม 91 ล้านล้านเยน เพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้าหลังจากพรรคเสรีประชาธิปไตยที่สนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนปรนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

• นางสาว พัค กึน-ฮเย แห่งพรรคอนุรักษ์นิยมได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของ เกาหลีใต้ ด้วยนโยบายที่มุ่งเน้นเรื่องความมั่นคงของชาติ การฟื้นความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ รวมไปถึงการแก้ไข้ปัญหาเศรษฐกิจและคอรัปชั่นในภาครัฐ โดยจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการต่อจาก ลี เมียง บัค ในเดือน ก.พ. 2556

• จำนวนบริษัทล้มละลายของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ย.ลดลงต่ำสุดในรอบ 8 เดือน มาอยู่ที่ 93 ราย เนื่องมาจากการการฟื้นตัวของการส่งออกในเดือนที่ผ่านมา

• S&P ปรับแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของฟิลิปปินส์ขึ้นเป็นเชิงบวกโดยยังคงอันดับความน่าเชื่อถือที่ BB+ แต่ระบุว่าหากรัฐบาลฟิลิปปินส์ปฏิรูปโครงสร้างรายได้ของรัฐบาล ลดภาระหนี้ต่างประเทศ รวมถึงดำเนินมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็มีโอกาสที่จะถูกปรับให้อยู่ในอันดับที่น่าลงทุน (Investment grade) เป็นครั้งแรกได้

• สภาอุตสาหรรมฯ เปิดเผยว่า ยอดการผลิตรถยนต์ในเดือน พ.ย.ของไทยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เท่ากับ 256,581 คัน เพิ่มขึ้น1.75% จากเดือน ต.ค. และ 983% จากเดือน พ.ย. 2554 เนื่องจากการเกิดอุทกภัยจนกระทบกับการผลิตในช่วงปลายปี 2554 ประกอบกับผลจากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล ทั้งนี้ คาดว่าทั้งปี 2555 จะสามารถผลิตรถยนต์ได้ 2.45 ล้านคัน

Equity Market
------------------



• SET Index ปิดที่ 1,377.40 จุด ลดลง 1.00 จุด หรือ -0-07% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41,931.03 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,650.47 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงหลังจากที่ได้ปรับตัวขึ้นมาแรงกว่าตลาดภูมิภาคในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา ประกอบกับ นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาแก้ปัญหา Fiscal Cliff ของสหรัฐที่ยังไม่มีความชัดเจน และอาจจะล่าช้าไปจนถึงสัปดาห์หน้า

• ดร.สมจินต์ ศรไพศาล นายกสมาคม บลจ. คาดว่าในปีหน้าดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปถึง 1,500 จุด เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนยังคงมีแนวโน้มที่ดีจากเศรษฐกิจในประเทศที่ยังคงเติบโต ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ

Fixed Income Market
--------------------------



• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงในช่วง -0.01% ถึง 0.03% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท.อายุ 14 วัน วงเงิน 30,000 ล้านบาท

Oil Corner
-------------



• สนง. พลังงานสากล (IEA) ระบุว่า ถ่านหินจะกลายเป็นพลังงานหลักของโลกแทนที่น้ำมันภายในปี 2017 จากการที่ปริมาณการใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากจีนและอินเดีย

โดยปัจจัยเดียวที่สามารถจำกัดการเติบโตของการใช้ถ่านหินได้แก่การดิ่งลงของราคาน้ำมันโลกเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น