หน้าเว็บ

วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ข่าวเช้าจากบัวหลวง 26/12/55

General News
------------------


• ธ.กลางกรีซ รายงานว่า มูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวเดือน ต.ค. อยู่ที่ 9.77 พันล้านยูโร ลดลง 4%จากปีก่อนหน้า เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงถึง 5.5% โดยเฉพาะชาวยุโรป ทำให้ส่งผลเชิงลบต่อ GDP เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 16% ของ GDP กรีซ

• IMF และสหภาพยุโรป รายงานว่า กรีซไม่ควรนำภาษีที่ประชาชนและบริษัทต่างคงค้างจ่ายให้รัฐบาล มูลค่า 53 พันล้านยูโร มาคิดรวมเป็นรายได้ เนื่องจาก รัฐบาลน่าจะเก็บได้เพียง 20% (10.6 พันล้านยูโร) เท่านั้น ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาที่ทำให้กรีซลดยอดขาดดุลไม่ได้

• เจียง เหว่ยซิน รมว.ก.การเคหะและการพัฒนาชนบทและเมืองของจีน เปิดเผยว่า ปีหน้าจีนจะสร้างที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยา 6 ล้านหน่วยเพื่อช่วยเหลือครอบครัวรายได้ต่ำให้มีที่อยู่อาศัยของตนเอง พร้อมกับใช้มาตรการควบคุมอสังหาริมทรัพย์ไม่ให้เก็งกำไรจนเกิดฟองสบู่

• คณะกรรมการ ก.ล.ต.จีน (CSRC) เตรียมอนุมัติให้ธ.พาณิชย์จัดตั้งบริษัทจัดการกองทุนได้เพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นผลดีต่อความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทางการเงินและช่วยเพิ่มจำนวนผู้ลงทุน

• สถาบันวิจัยและที่ปรึกษา ไชน่าเวนเจอร์ คาดการณ์ว่า มูลค่าการระดมทุนของบริษัทสัญชาติจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่ยังคงมีเสถียรภาพ

• พรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่ของญี่ปุ่นจะกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ 2% และจะจัดทำงบประมาณมูลค่ามหาศาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเอาชนะภาวะเงินฝืด

• อัตราเงินเฟ้อของสิงคโปร์ใเดือน พ.ย.ลดลงมาอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีที่ 3.6% ซึ่งเป็นเพราะค่าเช่าที่อยู่อาศัยและค่าบริการขนส่งลดลง ทำให้เป็นไปได้มากขึ้นที่ธ.กลางสิงคโปร์จะผ่อนคลายนโยบายการเงิน (ลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ)

• GDP เวียดนามปีนี้ขยายตัว 5.03% ลดลงจากปีก่อนซึ่งเป็น 5.89% และต่ำสุดนับจากปี 2542 ซึ่งแสดงว่าการเติบโตของเศรษฐกิจเอยู่ในแนวโน้มชะลอตัว เนื่องจากปัญหาต่างๆ เช่น ความอ่อนแอในภาค ธ.พาณิชย์ เป็นต้น

• กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้และปี หน้าจะขยายตัวได้ในระดับไม่ต่ำกว่า 5% โดยเป็นการขับเคลื่อนจากการลงทุนในโครงการสำคัญของภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชน รวมถึงการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น

• สมชัย สัจจพงษ์ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า จะปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้ใหม่ในปลายเดือนนี้ โดยคาดว่า จะขยายตัวมากกว่าประมาณการเดิมที่ 5.5% เนื่องจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในปีนี้ขยายตัวสูงมาก โดยการบริโภคเอกชนขยายตัวถึง 5.2% อันเป็นอัตราสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ในรอบ 8 ปี ซึ่งในอดีตโตเกิน 3% หรือ 4% ก็ถือว่ามากที่สุดแล้ว

และเมื่อปีนี้เติบโตสูง ปีหน้าก็คงไม่สูงมาก แต่จะยังเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ อาจจะโตได้ 4%-5%

การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะสมดุลมากขึ้น โดยคาดว่าจะชะลอลงเหลือไม่เกิน 5% จากประมาณการเดิมที่ 5.2% และการส่งออกจะดีขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่จะขยายตัวขึ้น

การลงทุนของภาครัฐจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างแรง เพราะจะมีเม็ดเงินจำนวนมากออกมาจาก พ.ร.บ.กู้เงินของรัฐบาล 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง ประกอบกับ พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อบริหารจัดการน้ำที่ยังเบิกจ่ายล่าช้าในปีนี้ก็น่าจะได้ผู้ชนะการประมูลในปีหน้า

เม็ดเงินเหล่านี้จะถูกอัดฉีดเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งโดยปกติเมื่อมีการลงทุนจากภาครัฐแล้ว เอกชนก็จะเป็นตัวขับเคลื่อนตาม

ดังนั้น เสถียรภาพทางเศรษฐกิจจึงไม่มีอะไรที่น่าห่วง ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อ อัตราว่างงาน ทุนสำรองทางการระหว่างประเทศ และระบบสถาบันการเงินที่ยังแข็งแกร่งทั้งในปีนี้และปีหน้าจากสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ (BIS) ที่ 15% ซึ่งสูงกว่าขั้นต่ำที่กำหนดไว้ 8.5%

นอกจากนี้ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ก็อยู่ในระดับต่ำประมาณกว่า 2% และกำไรของธนาคารพาณิชย์ก็ยังเติบโต

ทั้งนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้ตามประมาณการหรือไม่ ส่วนความขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นกับจีนอาจจะเป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจไทย

นอกจากนี้ สหรัฐและญี่ปุ่นจะยังคงใช้มาตรการผ่อนปรนทางการเงินเชิงปริมาณ ทำให้เงินทุนของต่างประเทศต้องหาที่ลง โดยประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตได้สูงอย่างเอเชียและไทย จะต้องจับตาดูการบริหารความเสี่ยงการไหลเข้าออกของเงินทุนว่าทำได้ดีแค่ไหน เพราะจะกระทบต่อค่าเงินบาทด้วย

Equity Market
------------------



• SET Index ปิดที่ระดับสูงสุดของวันที่ 1,378.22 จุด เพิ่มขึ้น 2.50 จุด หรือ 0.18% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23,660.51 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 311.94 ล้านบาท โดยดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบด้วยมูลค่าซื้อขายที่ไม่มาก เพราะตลาดหุ้นหลายแห่งปิดทำการในเทศกาลคริสต์มาส ประกอบกับไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสู่ตลาด

• ตลท. เปิดเผยว่า ปีนี้มีการเสนอขายหุ้นของบริษัทจดทะเบียนใหม่ (IPO) ด้วยสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี มีมูลค่ารวม 1.13 แสนล้านบาท และคาดว่าในปีหน้า 2556 มูลค่า IPO จะมีประมาณ 1.20 แสนล้านบาท จากบริษัทจดทะเบียน และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน มากกว่า 30 แห่ง

Fixed Income Market
---------------------------



• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบที่ระดับ -0.01% - 0.00% ในทุกช่วงอายุของตราสาร สำหรับวันนี้ไม่มีการประมูลพันธบัตร

• สนง.บริหารหนี้สาธารณะ รายงานว่า พันธบัตรรัฐบาลที่ออกในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2556 (ม.ค. – มี.ค.) มีมูลค่ารวม 1.33 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น