General News
------------------
• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคฝรั่งเศสในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 86 จาก 84 ในเดือนก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบกว่าครึ่งปีซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคครัวเรือนฝรั่งเศสมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นกับสภาพความเป็นอยู่และฐานะทางการเงิน
• หนี้สาธารณะของฝรั่งเศสในไตรมาส 3 ลดลงมาอยู่ที่ 1.81 ล้านล้านยูโร ลดลง 1.1% จากไตรมาสก่อน โดยหนี้สาธารณะของฝรั่งเศสปรับลดลง 1.45 หมื่นล้านยูโรจากการลดของหนี้ภาครัฐจำนวน 1.38 หมื่นล้านยูโร ทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ปรับลดลงมาอยู่ที่ 89.9%
• ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจการผลิตของอิตาลีในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 88.9 จาก 88.5 ในเดือนก่อน บ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจการผลิตของอิตาลีมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจมากขึ้นหลังจาก GDP ในไตรมาส 3 หดตัวลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจรวม(ภาคการผลิต การบริการ ค้าปลีกและก่อสร้าง) ยังคงลดลงแตะระดับ 75.4 จาก 76.5 ในเดือนก่อน
• ราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ของสหรัฐในเดือนต.ค.ปรับเพิ่มขึ้น 4.3% เป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 12 เดือนซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐ โดยการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องมีสาเหตุมาจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจ
• จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ ณ วันที่ 22 ธ.ค.ปรับลดลงเหลือ 350,000 คน ลดลง 12,000 คน จากมุมมองเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของภาคเอกชนที่ส่งผลให้การจ้างงานปรับตัวในทางที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวไม่ใช่ตัวเลขที่สมบูรณ์เนื่องจากหน่วยงานใน 19 รัฐปิดทำการเนื่องในวันหยุดทำให้ต้องมีการประมาณการตัวเลขจากทั้ง 19 รัฐขึ้นมาแทน
• S&P ประกาศปรับอันดับความน่าเชื่อถือชิลีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ AA- ทำให้ชิลีกลายเป็นประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุดในกลุ่มละตินอเมริกา โดยการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือจะช่วยให้ต้นทุนทางการเงินของชิลีปรับลดลง ทั้งนี้ ธนาคารกลางชิลีได้ปรับเพิ่มประมาณการ GDP ปี 2555 เป็น 5.5% จากเดิม 5.2%
• จีนมีแผนตั้งงบประมาณรายจ่ายปี 2556 ประมาณ 1.2 ล้านล้านหยวน เป็นการขาดดุลราว 850 พันล้านหยวน ซึ่งรัฐบาลมีแผนสนับสนุนงบประมาณลงทุนของรัฐบาลท้องถิ่นด้วยวงเงิน 350 พันล้านหยวน ทั้งนี้ จีนมีเป้าหมายที่จะผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจให้ได้ในอัตรา 8% ผ่านนโยบายการพัฒนาพื้นที่ในชนบท
• กำไรสุทธิของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 22.8% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 638.5 พันล้านหยวน เป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวจากการลงทุนในโครงการใหม่ๆของรัฐบาลท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอาจได้รับผลกระทบจากความต้องการในต่างประเทศที่อ่อนแอ การใช้นโยบายควบคุมการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ และการปฏิรูปภาคธนาคาร
• อินเดียปรับลดเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจช่วง 5 ปีข้างหน้าลงจาก 8.2% เหลือ 8% จากผลกระทบของการทยอยยกเลิกการอุดหนุนราคาน้ำมันที่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวลดลง ทั้งนี้ การอุดหนุนราคาน้ำมันเป็นสาเหตุสำคัญของการขาดดุลงบประมาณจำนวนมาก ทำให้อินเดียได้เริ่มลดการอุดหนุนราคาน้ำมันเบนซินตั้งแต่กลางเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
• ธ.กลางเกาหลีใต้ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการในเดือนม.ค.ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 70 จุด และ 68 จุด จากระดับ 67 จุด และ 65 จุดในเดือนก่อน จากการที่ผู้ประกอบการเกาหลีใต้ให้การตอบรับอย่างดีกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่ผ่านมา
• ก.การคลังเกาหลีใต้ปรับลดประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2555 และปี 2556 ลงเหลือ 2.1% และ 3.0% ตามลำดับ จากเดิมที่คาดว่า จะขยายตัว 3.3% และ 4% โดยปัจจัยสำคัญในการปรับลดครั้งนี้มาจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจยุโรปที่จะเกิดภาวะถดถอยรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปีหน้า ทั้งนี้ ก.การคลังคาดว่า ในปีหน้า เกาหลีใต้จะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงเหลือ 3หมื่นล้านดอลลาร์ และการส่งออกจะขยายตัว 4.3% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 2.7%
• ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(MPI)ของไทยในเดือนพ.ย.ปรับเพิ่มขึ้น 83.3% จากปีก่อน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 68.5% โดยเป็นการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ รถยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากอุทกภัยในปีก่อน
• กสทช.มีมติลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม เพื่อความเป็นธรรมให้กับผู้รับใบอนุญาตทุกราย โดยค่าธรรมเนียมแบบใหม่จะคิดเป็นร้อยละของรายได้แบบขั้นบันไดจากเดิมที่คิดแบบเหมาจ่าย ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมแบบใหม่จะเก็บค่าธรรมเนียมกับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 0 -100 ล้านบาท ที่อัตรา 0.25% รายได้ 100-500 ล้านบาท ที่ 0.5% รายได้ 500 -1,000 ล้านบาท ที่ 1% และรายได้เกิน 1,000 ล้านบาท ที่ 1.5% โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2556
• BOI เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในปี 2555 มีมูลค่าสูงเกิน 1 ล้านล้านบาท โดยมีโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนรวม 2,180 โครงการด้วยมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 1.127 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% จากปีก่อน ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ อุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภคที่ยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน 601 โครงการ มูลค่ารวม 373,823 ล้านบาท
Equity Market
• SET Index ปิดที่ระดับ 1,397.19 จุด เพิ่มขึ้น 14.96 จุด หรือ 1.08% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 37,164.84 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,543 ล้านบาท โดยดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงท้ายตลาดจากแรงส่งของเงินลงทุน LTF-RMF
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวในกรอบแคบที่ระดับ -0.01% ถึง 0.00% สำหรับวันนี้ไม่มีการประมูลพันธบัตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น