General News
-------------------
• เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่า การดำเนินการใดๆ ของเฟด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สามารถที่จะชดเชยความเสียหายทางเศรษฐกิจซึ่งเกิดจากภาวะหน้าผาการคลัง (Fiscal cliff) ที่จะเริ่มมีผลในเดือนหน้า หลังจากที่ประธานาธิบดีโอบามาและเจ้าหน้าที่นิติบัญญัติของพรรครีพับลิกันมีความเห็นไม่ลงรอยกัน แต่อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้เชื่อว่าวิกฤตดังกล่าวจะสามารถแก้ไขได้โดยไม่ได้สร้างความเสียหายตามมาในระยะยาว
• ยอดขาดดุลงบประมาณสหรัฐในเดือนพ.ย. อยู่ที่ 1.72 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าระดับ 1.50 แสนล้านดอลลาร์ที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ และปรับตัวขึ้นจากระดับ 1.37 แสนล้านดอลลาร์ในเดือน พ.ย.2011 ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐมีแนวโน้มที่จะมียอดหนี้พุ่งขึ้นชนเพดานที่ 16.4 ล้านล้านดอลลาร์ก่อนสิ้นปีนี้ โดยในวันจันทร์ที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ยอดหนี้ของกระทรวงการคลังอยู่ต่ำกว่าระดับเพดานเพียง 6.25 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่กระทรวงมีมาตรการฉุกเฉินที่สามารถนำมาใช้ได้เพื่อช่วยให้กระทรวงสามารถกู้ยืมเงินได้ต่อไปถึงช่วงต้นปี 2013
• ยอดค้าปลีกของสหรัฐเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับที่ลดลง 0.3% ในเดือนต.ค. เพราะได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ยานยนต์ที่ฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงการจับจ่ายซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในช่วงเริ่มต้นเทศกาลวันหยุดปลายปี อย่างไรก็ตาม ยอดค้าปลีกดังกล่าวขยายตัวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นในอัตรา 0.5% และน้อยกว่าที่เพิ่มขึ้น 3.7% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
• จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ธ.ค. ปรับตัวลดลง 29,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 343,000 ราย ซึ่งทำสถิติลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 สัปดาห์ และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 369,000 ราย
• บริษัทเรียลตีแทรค รายงานตัวเลขการเริ่มต้นกระบวนการยึดบ้านติดจำนองในสหรัฐอยู่ที่ 77,494 หลังคาเรือนในเดือนพ.ย. ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2006 นอกจากนี้ ตัวเลขนี้ยังลดลง 13% จากเดือนต.ค. และดิ่งลง 28% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. 2011 ซึ่งการลดลงนี้สอดคล้องกับการพุ่งขึ้นของราคาบ้านและความเชื่อมั่นที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดที่อยู่อาศัย ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์หลายรายเชื่อว่า ภาคที่อยู่อาศัยเริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว หลังจากประสบกับภาวะฟองสบู่แตกเมื่อ 6 ปีก่อน
• เงินเยนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำในรอบเกือบ 9 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ จากการคาดการณ์ที่ว่านายชินโสะ อาเบะ ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของญี่ปุ่นซึ่งสนับสนุนการผ่อนปรนด้านเงินตราจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 16 ธ.ค. นี้
• รายงานของสถาบันวิชาการด้านกลยุทธ์เศรษฐกิจในสังกัดวิทยาลัยสังคมศาสตร์ของจีนระบุว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มขยายตัว 7.7% ในปีนี้และเพิ่มขึ้นเป็น 8.5% ในปีหน้า โดยส่วนหนึ่งเกิดจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
• ผู้นำชาติอาเซียน ตัดสินใจประกาศเลื่อนกำหนดการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community: AEC) ออกไปอีก 12 เดือน จากเดิมต้องเปิดวันที่ 1 ม.ค. 2015 เป็นวันที่ 31 ธ.ค. 2015 แทน เนื่องจากข้อตกลงและขั้นตอนต่างๆ อีกหลายขั้นตอน ยังไม่สามารถตกลงกันได้ อาทิ เรื่องการตรวจลงตราภาษีอาการสินค้า กฎระเบียบว่าด้วยการลงทุนระหว่างกัน เป็นต้น
• กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย กลายเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงมากที่สุดเป็นอันดับ 2 สำหรับชาวต่างชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากสิงคโปร์ เนื่องจากเงินรูเปียห์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับหน่วยเงินสำคัญอื่นๆ ส่วนกรุงเทพมหานคร ครองตำแหน่งอันดับที่ 3 ตามด้วยกรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นอันดับที่ 4 ในภูมิภาค
• ผู้ว่าการ ธปท. มองกระแสเงินทุนในตลาดโลก มีโอกาสจะไหลเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียมากขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศอัดฉีดสภาพคล่องรอบใหม่ แต่ยังต้องรอประเมินผลกระทบอีกครั้ง เพราะปริมาณเงินที่อัดฉีดไม่สูงนัก และเศรษฐกิจเอเชียในขณะนี้ ไม่ได้ขยายตัวสูงเหมือนในช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้
Equity Market
• SET Index ปิดที่ 1,353.81 จุด ลดลง 0.76 จุด หรือ 0.06% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 34,588 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 967ล้านบาท โดยตลาดหุ้นไทยยังมีแรงขับเคลื่อนจากสภาพคล่องของเม็ดเงินในตลาด แต่ความกังวลต่อปัญหาภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนบางส่วนอาจขายทำกำไรออกมาบ้าง ส่งผลให้ดัชนีขยับได้ไม่มากนัก
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง +0.01% ถึง 0.03% สำหรับวันศุกร์นี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท. 2 รุ่น ได้แก่ อายุ 15 วัน และประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัวอายุ 3 ปี วงเงินรวมทั้งสิ้น 35,000 ล้านบาท
• ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.75% เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยยังคงประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจหลังจากที่ได้ปรับลดดอกเบี้ยไปแล้วในเดือนก.ค.และต.ค.
• ธนาคารกลางฟิลิปปินส์มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.5% ตามความคาดหมาย เนื่องจากคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับปานกลาง และเศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวสดใส อันเนื่องจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในประเทศ
Oil Corner
• สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 90.5 ล้านบาร์เรล/วันในไตรมาส 4 ปีนี้ มากกว่าที่คาดการณ์ในเดือนที่แล้วอยู่ 4.35 แสนบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ตาม IEA คาดการณ์ว่า ความเสี่ยงอุปสงค์ยังคงท้าทายตลาดน้ำมัน เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกยังคงเชื่องช้า สำหรับแนวโน้มการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในปีหน้า ยังคงค่อนข้างซบเซา ที่ระดับ 900,000 บาร์เรล/วัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น